MARKETING 5.0 รีวิว กึ่งสรุป วันนี้มาจัดเต็มแน่นอน ขอเวลาเรียบเรียงแป๊บ แต่ขอมาเรียกน้ำย่อยให้ตื่นเต้นกันก่อนนะครับ เขียนโดย ฟิลลิป คอตเลอร์

Marketing 5.0 จะกล่าวถึงเรื่องอะไร?
เดิมทีเหมือนหนังสือของ ฟิลลิป คอตเลอร์ แต่ละเล่มก็จะมีการเล่าถึงความเป็นมาของ
MARKETING 1.0 สินค้านำการตลาด
MARKETING 2.0 ผู้บริโภคนำการตลาด
MARKETING 3.0 มนุษย์เป็นศูนย์กลาง
MARKETING 4.0 การตลาดแบบเชื่อมโยงถึงกัน (5A)
.
THEME 5.0
รอบนี้ 5.0 มาใน Theme ของ Technology For Humanity
“เทคโนโลยี เพื่อ มนุษยชาติ”
มาในTheme แบบนี้ก็รู้เลยประมาณนึงนะครับว่าจะกล่าวถึงเรื่องอะไร เน้น Martech นั้นแหละครับ
(Martech = Marketing Technologies)
การต่อยอดของ 5.0
ถูกเขียนโดยแนวคิดที่ต่อยอดมาจาก Marketing 3.0 และ 4.0
จากการให้มนุษย์เป็นศูนย์กลางในเรื่องต่าง ๆ ผนวกกับ การที่ให้เทคโนโลยีมาช่วยงานให้มนุษย์ง่ายขึ้น ผสมกับ ทฤษฏี 5A ของ 4.0 (ที่ผมชอบอ้างถึงยกย่องบูชาอยู่เป็นประจำ 555)
ในบทความนี้ | 5 หนังสือ เปลี่ยนชีวิตผมไปตลอดกาล
หลักการของ 4.0
A-Awareness (สร้างการรับรู้)
A-Appeal (สร้างการจดจำ)
A-ASK (สร้างการปฏิสัมพันธ์)
A-Act (สร้างการลงมือ เช่นการซื้อหรือทดลองใช้)
A-Advocate (สร้างการกระตุ้นให้บอกต่อ)
.
เล่มนี้ก็ยังกล่าวถึงการพัฒนา เทคโนโลยีต่าง ๆ มาให้สอดคล้องกับ ทฤษฏีข้างต้น
.
โดยการ สร้างสิ่งใหม่ , สร้างการสื่อสาร , การส่งต่อข้อมูลทางการตลาด , การส่งเสริมคุณค่า รวมทั้งการสร้าง ประสบการณ์ให้ลูกค้าด้วยหละครับ
.
จุดเริ่มต้นในการทำการตลาดแบบ 5.0
เราสามารถเริ่มจากการร่างแผนผัง ของ Customer journey และ Identifying
(เขียนผังว่า ลูกค้าจะต้องประสบพบเจออะไรบ้างก่อนและหลังซื้อสินค้าหรือบริการของเรา และบ่งบอกให้ได้ว่า เราจะเข้าไป สนับสนุนลูกค้าในช่วงเวลาใน)
.
5.0 ก็ยังใช้ DATA ในการขับเคลื่อนการตลาด โดย เน้นในการสร้าง Ecosystem ต่่าง ๆ ด้วยแหละครับ
.
นำมาใช้ทำอะไรบ้าง?
-คาดการณ์ ผลลัพธ์ทางการตลาด
-บริหารจัดการข้อมูล
-นำเสนอสินค้า/บริการ การตลาด แบบ Personalized
-การปรับใช้ของพนักงาน Fontline ให้ Personalized มากขึ้น~~~~~~~
โดยภาพรวม Marketing 5.0 รีวิว แตะเรื่องไหนบ้าง ?
- ความเข้าใจ GENERATION GAP
- สร้างสังคม คอมมูนิตี้แบบยั่งยืนโดยใช้เทคโนโลยีมาช่วย
- การจำแนกของ Digital ที่มาช่วยทางการตลาด
- กลยุทธ์และ Framwork ใหม่ ๆ ในการทำการตลาด
- กลยุทธ์แบบ On Strategy fit all จะไม่มีอยู่จริงในยุคนี้
- หุ่นยนต์ และ มนุษย์ (ในเล่มใช้คำว่า Machines Are Cool ,But Humans Are Warm)
- การใช้ข้อมูลนำการตลาด (มีเฟรมเวิร์กในเล่ม)
- การทำนายอนาคตโดยใช้เทคโนโลยี
- การตลาดแบบ Personalized สร้างการรับส่งข้อมูล กับผู้บริโภค
- ส่งเสริมให้แบรนด์มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า ทำให้มนุษยชาติมีพลังมากขึ้น ฉลาดมากขึ้น และสดวกมากขึ้น
- การบริหารการตลาดและองค์กรแบบ Agile Mareting

เข้าเนื้อหา
(อัพเดท 8.2.2021 เวลา 7.30 PM)
หลังจากเห็นภาพรวมของหนังสือไปแล้วนะครับ ทีนี้เรามาเจาะกันที่ละเรื่องไปเลยนะครับ ค่อย ๆ ทะยอยอัพจนจบนะครับ
FIRST THING FIRST | การรีวิวกึ่งสรุปเป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ได้จากหนังสือ ไม่สามารถเหมารวมเป็นเนื้อหาทั้งหมดของหนังสือได้นะครับ แนะนำให้ซื้อเล่มจริงและอ่านจะได้อะไรเยอะกว่ามาก และผมจะไม่พยายามพูดถึงเนื้อหาในหนังสือที่เป็นลิขสิทธิของเขานะครับ แนะนำให้ทุกคนซื้ออ่านด้วยตัวเองจะดีกว่าครับ ผมทำเพียงแต่เป็นเพื่อนคุยเรื่องหนังสือว่าเราได้อะไร จากเล่มนี้และสามารถนำไปใช้อะไรต่อได้ครับผม
CHAPTER 1 – อะไรคือ MARKETING 5.0 ?
MARKETING 5.0 คือยุคของ Technology for Humanity ในยุคนี้จะเป็นยุคที่ เครื่องมือเทคโนโลยีต่าง ๆ จะเข้ามาทำให้มนุษย์เป็น Super human มากขึ้น หรืออีกนัยนึงคือทำให้ Marketer เป็น Super Marketer มากขึ้นนั้นเองครับ
โดยการที่ให้ AI , แมชชีนเลิร์นนิ่ง เก็บข้อมูล และศึกษาข้อมูล รวมทั้งนำไปต่อยอดเป็น รูปแบบการซื้อของลูกค้า (pattern) ว่าแต่ละคนเนี้ย มีรูปแบบอย่างไร กว่าจะซื้อ พอเก็บข้อมูลได้เยอะประมาณนึง สิ่งที่ทำถัดมาก็คือการนำไป Predict หรือทำนายว่าลูกค้าพร้อมจะซื้อเมื่อไหร่หรือลูกค้าอยู่ในเสตจไหน ๆ นั้นเองครับ
ทำให้นักการตลาดสามารถ แนะนำสิ่งที่ลูกค้าน่าจะชอบได้ หรือใช้หลัก Data Driven marketing ร่วมด้วยเป็นสำคัญนั้นเองครับ
โดยสามารถแบ่งลูกค้าและเลือกเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ต่อประสบการณ์ของลูกค้าให้ได้มากที่สุด ทำให้ลูกค้ามีประสบการณ์ต่อแบรนด์ที่ดีขึ้น
นำ NEW TECH ทำให้เกิด NEW CUSTOMER EXPERIENCE
new tech ผูกโยงกับ 5A // aware // Appeal // ASK // Act // Advocate
- AI
- เทคโนโลยีการแปล
- sensor การแสกนใบหน้า การจดจำใบหน้า
- หุ่นยนต์
- VR/AR
- IOT/BLOCKCHAIN
เราก็นำเทคโนโลยีเหล่านี้มาดีไซน์ให้สอดคล้องกับ ทฤษฏี 5 A นั้นเองครับ
TECHNOLOGY จะทำให้การตลาดดีขึ้นได้อย่างไร ?
- สร้างข้่อมูล จัดระเบียบข้อมูล เก็บข้อมูล และใช้ข้อมูลเพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจ
- ทำนาย คาดคะเน ผลลัพธ์ ที่จะเกิดขึ้นกับ กลยุทธ์ กลวิธี ทางการตลาด แต่ละเส้นทาง
- นำบริบทสภาพแวดล้อมในโลก ดิจิทัล มาปรับใช้ประสานกับโลกของชีวิตจริง
- Fontline ปิดการขายง่ายขึ้น ใช้เทคโนโลยีช่วยให้พนักงานที่อยู่แนวหน้า เข้าใจลูกค้าได้มากขึ้น นำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้มากขึ้น และเข้าใจวิธีคิดและช่วงเวลาการตัดสินใจของลูกค้าได้ดีขึ้น
- เร็วขึ้น! สามารถทำการตลาดออกแคมเปญต่าง ๆ ได้เร็วขึ้น
ส่วนประกอบหลักของการตลาด 5.0
สิ่งที่เป็นหัวใจ ของการตลาดแบบ 5.0 มีเสา 2 แกน และมีกิ่งอีก 3 กิ่ง (รวมแล้วก็มี5 เรื่องแหละครับ)
- DATA DRIVEN MARKETING
การให้ข้อมูลนำการตลาด เก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล ทำPERSONALIZED ข้อมูลให้เฉพาะเจาะจงกับลูกค้าแต่ละคนไปเลย - AGILE MARKETING
การทำการตลาดแบบ AGILE ก็คือการทำทุกอย่างให้เร็วทั้ง กระบวนการ วิธีการ และการได้มาซึ่งผลลัพธ์ ให้ได้เร็วและเก็บ TEST และวัดผลนั้นเองครับ
ส่วนกิ่งที่อยู่ภายในเสา2ต้นนี้ก็คือ
- Predict ทำนาย คาดการณ์ หาแนวโน้มผลของการตลาด โดยการใช้ข้อมูล
- Contextual เก็บข้อมูลบริบทภายนอก กิจกรรมต่าง ๆ เพื่อออกแบบกิจกรรมให้เฉพาะเจาะจงกับลูกค้าคนนั้น ๆ เพิ่มความแม่นยำโดยการใช้ข้อมูล และเทคโนโลยีมาช่วย
- Augment เพิ่มพลัง Empower นักการตลาด หรือกระบวนการขาย เพื่อที่จะทำให้เราทำงานในส่วนที่สำคัญมากขึ้น เร็วมากขึ้น AGILE มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ CHATBOTS เพื่อให้ TECH ทำงานแทนมนุษย์ นั้นเองครับ เพื่อเข้าใจ และตอบสนองแต่ละ touchpoint ที่ลูกค้าอยู่
CHAPTER 2 – GENERATION GAP
ในเล่มนี้ กล่าวถึง Insigh ของ แต่ละ GENERATION ไว้อย่างลึกเลยหละครับ โดยเล่าถึงทั้งหมด 5 Gen ด้วยกัน GEN BABY BOOMER , GEN X , GEN Y , GEN Z และ GEN ALPHA
โดยมีการแบ่ง เป็นข้อมูลที่เข้าใจง่าย ๆ ได้ประมาณนี้ครับ
GENERATION | คำจำกัดความ | คนเหล่านี้มีบทบาทอะไรกับแบรนด์ | ข้อมูลเพิ่มเติม |
Baby boomer | กลุ่มสูงวัยที่ยังมีพลัง | ก่อตั้งหรือสร้างแบรนด์ของตัวเองเป็นเจ้าของแบรนด์ | เกิด1946-1964 |
X | วัยกลางคน | ก่อตั้งหรือสร้างแบรนด์ของตัวเองเป็นเจ้าของแบรนด์ +สร้างประสบการณ์ร่วมกับแบรนด์ | |
Y | GEN WHY ชอบตั้งคำถาม | ก่อตั้งหรือสร้างแบรนด์ของตัวเองเป็นเจ้าของแบรนด์ +สร้างประสบการณ์ร่วมกับแบรนด์ +มีส่วนร่วมกับแบรนด์ | ชอบตั้งคำถาม ถามเก่งสงสัยเก่ง |
Z | คนยุุคแรกของยุคดิจิทัล | สร้างประสบการณ์ร่วมกับแบรนด์ +มีส่วนร่วมกับแบรนด์ | |
Alpha | ลูกของ GEN Y | มีส่วนร่วมกับแบรนด์ | เกิดพร้อม IPAD |
สรุป GEN GAP สิ่งที่KOTLER และ ผู้เขียนอีก 2 ท่านบอก
MARKETING 5.0 กล่าวว่า ยุค 5.0 GEN X จะมีบทบาทมากขึ้นกว่าเดิมมาก ในทศวรรษที่กำลังจะถึงนี้ เหตุผลเพราะว่า GEN X อยู่ในแทบจะทุกช่วงของยุคสมัย ในโลกของการตลาด ไม่ว่าจะเป็น Marketing 1.0 // Marketing 2.0 // Marketin 3.0 รวมทั้ง 4.0 ด้วย และจะไปต่อใน 5.0 ด้วยนั้นแหละครับ
แต่ดูเหมือนว่าอายุจะเริ่มเยอะแล้ว GEN X จะทำอะไรได้ ?
เขากล่าวว่าคน GEN X เนื่องจากมีประสบการณ์เยอะ เห็นโลกมาเยอะ ก็จะทำงานโดยมี คนGEN Y หรือ Millenials เนี้ยคอยสนับนุน ในฐานะ Middle manages ส่วน GEN X ก็จะเป็นหัวหอกสำคัญในการนำทีม นำการตลาด และทำงานกับเด็กรุ่นใหม่ เพื่อช่วยให้ คนGEN Z และ ALPHA ทำงานได้ง่ายขึ้น
GEN Z และ ALPHA ก็มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กันในการทำสิ่งต่าง ๆ ให้เกิดขึ้นเร็วขึ้น ด้วยแรงและกำลัง รวมทั้งความสามารถทาง TECHNOLOGY ซึ่งต้องทำงานร่วมกันนั้นเองนะครับ
หาก GEN X และ ALPHA สามารถทำงานร่วมกันได้ จะเป็น ปัญจัยสำคัญเลยหละครับที่ทำให้เป็นผู้นำในการแข่งขันทางการตลาด ในยุค 5.0 เลยหละครับ !
CHAPTER 3 – ความหลากหลายในชุมชนมีมากขึ้น มีการแบ่งกันอย่างชัดเจนมากขึ้น
การตลาดยุค 5.0 เหมือนเป็นเรื่องที่ เฉพาะเจาะจงตัวบุคคลมากขึ้นมากขึ้น มากขึ้นไปอีกนะครับโดยเขาแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 หัวเรื่องใหญ่ ๆ
- JOBS เกี่ยวกับเรื่องงาน
- IDEOLOGIES อุดมการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการเมือง หรือ อุดมการณ์ในการใช้ชีวิต
- Life Style วิถีชีวิต การใช้ชีวิตส่วนตัว
- MARKET สภาพของตลาดที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
JOBS – งาน
งานต่าง ๆ ในยุค 5.0 จะถูก take side มากขึ้น ถ้าพูดให้เห็นภาพ คือ จะไม่มีงานคุณภาพกลาง ๆ อีกต่อไปแล้ว ก็จะถูกแบ่งเป็น งานที่มีคุณค่าระดับสูง หรือ High-value , High-paying jobs และอีกฝั่งหนึ่งก็จะเป็น low-value , low-paying jobs
สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นในงานแทบจะทุก ๆ เรื่อง สิ่งที่อยู่ตรงกลางจะเริ่มลดลง ลดลง
IDEOLOGIES – อุดมการณ์
ในหัวข้อนี้ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น เกี่ยวกับเรื่องการเมืองครับ ในเล่ม 5.0 ก็กล่าวถึงการ มาของ TRUMP EFFECT หรือ พูดถึง กรณีที่ อังกฤษ BREXIT ออกจาก EU ก็จะมีแบบนี้มากขึ้น แต่ในตัวบางสินค้าก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนักนะครับ
แต่จะชี้ให้เห๋็นว่ามันจะเกิดชุมชน หรือกลุ่มก้อนที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น จะไม่ค่อยมีคนกลาง ๆ อีกแล้วหละครับ
LIFESTYLE – วิถีชีวิต
การแบ่ง การบ่งบอกตัวตน ไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับ อุดมการณ์ทางการเมือง หรืองานเพียงเท่านั้นนะครับ ยังเกิดขึ้นในไลฟ์ไสตล์ของผู้คนด้วย
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ คือการเกิดขึ้นของวิถีชีวิตแบบ มินิมอลลิซึม มีน้อย ๆ มีแต่สิ่งที่จำเป็น หรือการเกิดขึ้นของ ผู้นำไลฟ์สไตล์อย่าง มาริเอะ คอนโดะ ที่ทิ้งของไม่จำเป็นจากบ้านออกไปให้หมด
COVID-19 ยิ่งเป็นตัวเร่งสำคัญให้เกิดไลฟ์ไตล์ต่าง ๆ ชัดเจนขึ้นครับ เนื่องจากการว่างงานสูงขึ้น ผู้คนเริ่มมีเงินใช้จ่ายกันน้อยลง วิถีชีวิตจึงมีแนวโน้นมมาทางนี้ได้อย่างมีนัยยะสำคัญ ผู้คนจะเลือกใช้ของที่จำเป็นต่อชีวิตตัวเองเท่านั้น ประหยัดมากขึ้น มีการเลือกซื้อของที่ละเอียดมากขึ้นครับ
หรือวิถีชีวิตแบบ FOMO ก็ไม่แพ้ ชาวมินิมอลเหมือนกันนะครับ (FOMO = Fear of missing out) วิถีชีวิตแบบนี้ก็ต้องอัพเดทตลอดเวลา
ในเล่มนี้ยังกล่าวถึง YOLO อีกด้วย (YOLO = you only live once) วิถีชีวิตแบบนี้ก็ยิ่งทำให้คนกล้าออกไปใช้จ่าย เหมือนกันนะครับ
MARKET – ตลาด
กลุ่มของตลาดก็ชัดเหมือนกันในเรื่องของพื้นที่ตรงกลางจะแทบจะหายไป จะเป็นตลาด Luxuly ก็ high-price ไปเลย จะเป็น low-priced ก็ low ไปเลย ตลาดกลาง ๆ ก็จะแคบลงเรื่อย ๆ นั้นเองครับ
กล่าวโดยสรุปของบทนี้ก็คือ
ยุค 5.0 เนี้ยจะเกิดขึ้นถึงความแตกต่างทางชุมชน เป็นสิ่งที่ท้าทายนักการตลาดยุคนี้อย่างมากเหมือนกัน เพราะความต่างเนี้ยจะลงลึกถึงระดับบุคคล จะอยู่ในทุก ๆ เรื่องของผู้คนเลยหละครับจากงาน ไป อุดมการณ์ ไปเรื่องไลฟ์ไสตล์ ไปจบที่ตลาด
ที่สำหรับนักการตลาด ที่ไม่ตัดสินใจว่าจะไปอยู่ฝั่งไหนดี จะอยู่ตรงกลางอย่างเดียวก็เริ่มทำการตลาดยากขึ้นนั้นเองครับ
CAPTER-ถัด ๆ ไปเดียวมาต่อนะครับ
อยากได้สิ่งที่ไม่เคยได้ ต้องทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ”
#bigdreamblog#bigdream
follow us |กดติดตามเพจ I Have A Big Dreams และกด see firstเพื่อไม่พลาดบทความดีๆแบบนี้ทุกวันนะครับ
รัก รัก เรามาเป็นของขวัญให้กันและกันนะ
Website : https://www.bigdreamblog.com
Blockdit : https://www.blockdit.com/bigdreamblog
Youtube : https://www.youtube.com/c/BIGDREAMBLOG
บทความ รวมคำคม | https://www.bigdreamblog.com/home-คำคม/สารบัญ-คำคม-คำคมคนดัง/
ไม่ต้องเร่งมูฟออน | https://www.bigdreamblog.com/2021/01/09/ebook-moveon/
[…] Marketing 4.0 ซึ่งปัจจุบันเป็น Marketing 5.0 ของอาจารย์ ฟิลลิป คอตเลอร์ […]
0