Spider-Man: No Way Home Review ไม่สปอย สไปเดอร์แมนที่ดีที่สุด

Reading Time: 2 minutes
Reader Rating20 Votes
9.4
9.6
9

Spider-Man: No Way Home รีวิว ไม่สปอย | ทุกครั้งที่มีคนถามว่า ชอบซุปเปอร์ ฮีโร่คนไหนมากที่สุด คำตอบที่ผมจะให้ทุกครั้งเลยก็คือ Spider-Man และผมรู้สึกว่า Spider-Man ภาคนี้เป็นภาคที่ดีที่สุด

ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ฉบับ ทอม ฮอลแลนด์ ทำให้เตือนสติผมอีกครั้งว่าทำไมการ์ตูนถึงมีบทบาทกับชีวิตเรา และทำให้ผมนึกอยากกลับไปดูการ์ตูนทุกครั้ง เพราะด้วยความขี้เล่น ความร่าเริงและความเนิร์ดของบทละคร และที่สำคัญตัวนักแสดงเองก็เคมีเข้ากับการเป็นสไปเดอร์แมนสุด ๆ

No Way Home เป็นภาคที่ถูกคาดหวังอย่างมาก หลังจากจบเฟส 3 ในภาพยนตร์สังกัดจักรวาลมาร์เวล เพราะตัวละครที่เป็นตัวชูโรงอย่าง กัปตันอเมริกา รวมทั้งไอออนแมน หรือแม้แต่ โลกิ ฮอกอาย แบล็ควิลโดว์ก็ถูกลดบทบาทไปทำเป็นซีรีส์ หรือไม่ก็อำลาบทกันไปเป็นที่เรียบร้อย

SPIDER-MAN: NO WAY HOME

การรีวิวในบทนี้จะไม่มีการสปอยไปนอกจากซีนที่ปรากฏให้เห็นในตัวอย่างดังนั้นสบายใจได้เลยครับ

ทำ No Way Home ไม่ง่าย

ในช่วงเวลานี้มีสปอยออกมาเต็มไปหมดในโลกโซเชียลทำให้แฟน ๆ ต้องหลบกันอย่างจ้าละหวัน ผู้กำกับ จอนวัตส์ และทีมงานทำออกมาได้อย่างดีมากเป็นการผสมผสาน จักรวาลของมาเวลฉบับ ภาพยนตร์และคอมมิคออกมาได้อย่างลงตัว No Way Home เป็นการทำภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยไอเดียและแรงบันดาลใจ แต่การทำออกมานั้นไม่ง่าย เพราะภาพยนตร์ก่อนหน้าอย่าง Eternal ก็ถูกวิจารณ์ไปหนาหูเรื่องของความเยอะเกินไป แต่ No Way Home ถ่ายทอดออกมาได้ค่อนข้างดี นำไปสู่ตอนจบที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ที่แลกมากับบทบาทตัวละครบางตัวที่คุณหลงลืมเขาไป

SPIDER-MAN: NO WAY HOME

Timeline ของภาพยนตร์เรื่องนี้

No Way Home เป็นภาคที่เกิดขึ้นหลังจาก Far From Home แบบปัจจุบันทันด่วนหลังจาก วายร้ายที่เต็มไปด้วยเล่ห์กลอย่าง มิสเตอร์ริโอ้ได้ทิ้งบอมพ์ลูกโตกับปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ว่าเขาเป็นคนฆ่า และเป็นวายร้ายในคราบฮีโร่อย่างสไปเดอร์แมน ภาพยนตร์เริ่มต้นด้วยประเด็นนี้อย่างที่พวกเรารู้กัน และมันส่งผลกระทบต่อ แฟนสาวทั้งในจอและนอกจอ M.J. (Zendaya) และเพื่อนสนิทอย่าง Ned (Jacob Batalon) หลังจากนั้นทั้งสามคนก็มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของวัยรุ่นทั่วไปคือการเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งตรงนี้เป็นข้อจำกัดให้เขาไม่สามารถไปเผชิญกับโลกภายนอกได้

ปาร์คเกอร์ จึงไปขอให้ หมอแปลกดำเนินการเคลียเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อยหลังจากรู้จักกันในช่วงเวลาที่ต้องต่อกรกับทานอส แผนของปาร์คเกอร์มีความต้องการทำให้ทุกคนในโลกลืมไปว่าเขาเป็นสไปเดอร์แมน แต่ระหว่างร่ายมนต์อยู่นั้น เขาก็ฉุกคิดได้ว่าไม่อยากให้ป้าเมย์ และเนด รวมทั้ง M.J. ลืมไปว่าเขาคือสไปเดอร์แมน ปัญหาจึงเกิดขึ้นตรงนี้ทำให้เกิดการทับซ้อนของการร่ายเวทมนต์ไม่ดำเนินตามไปอย่างที่มันควรจะเป็น ก็อย่างที่เรารู้ทำให้เราได้เจอ Green Goblin ( Willem Dafoe ) และ Doc Ock (Alfred Molina) ฉบับโทบี้ ปรากฏให้เราเห็นกัน

“ตอนนี้มีเด็ก ๆ ดูผมเยอะ ผมมีความรับผิดชอบที่ต้องทำให้ตัวเป็นเป็น Role Model ที่ดีมากขึ้น” เป็นคำสัมภาษณ์ของนักแสดงหนุ่มชาวบริทิช ทอม ฮอลแลนด์ที่ให้ไว้ในงานรอบสื่อของสไปเดอร์แมน โนเวย์โฮม ซึ่งใครจะไปรู้ว่ามันเกี่ยวโยงกับภาพยนตร์เรื่องนี้โดยตรง

“Great Power comes to great responsibility” เป็นคำที่ติดตัวสไปเดอร์แมนมาทุกภาครวมถึงฉบับ Tom Holland ด้วย และ No Way Home ยิ่งชัดขึ้นไปอีกครับ ในภาคที่แล้วสไปเดอร์แมนก็ตั้งคำถามว่าทำไมต้องเป็นเขา?

ผมพยายามมองภาพยนต์เรื่องนี้ในมุมมองของผู้กำกับว่าเขาคิดอย่างไรถึงเล่าเรื่องแบบนี้ออกมา ก็ทำให้คิดว่า หากเราย้อนตัวเองกลับไปในช่วงเวลา ม.6 ในเวลานั้นคงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการได้เข้ามหาลัยดี ๆ และการที่โดนปฏิเสธจากมหาวิทยาลัยในฝันคงเสียใจไม่น้อยและมันใหญ่มาก ๆ โดยที่โลกจะแตกก็ได้แต่เราขอมีที่เรียนในฝันได้ไหม ? ผู้กำกับแสดงมุมนี้ผ่านตัวแสดงของปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ รวมทั้งตัวละคนอื่น ๆ ด้วย

แต่ตอนนี้เขาคือ Spider-Man เขาไม่ใช่เด็กธรรมดาอีกต่อไป No Way Home จะแสดงให้เห็นถึงผลกระทบต่อการตัดสินใจของเด็กวัยรุ่นคนนึงที่สถานการณ์บีบบังคับให้เขาโตมากขึ้นมองภาพกว้างมากขึ้นเพราะเรื่องเล็ก ๆ บางเรื่องที่เขาตัดสินใจนั้นมันส่งผลกระทบไปกับคนทั่วทั้งโลกได้เลย และภาคนี้ ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ได้เรียนรู้เรื่องนั้นเต็ม ๆ

ภาพยนตร์ ซุปเปอร์ฮีโร่หลายต่อหลายเรื่องนำเสนอในมุมของความหมายของการเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ แต่นี้คือครั้งแรกที่ถูกนำเสนอผ่านปีเตอร์ปาร์คเกอร์ฉบับ น้องทอม ซึ่งมันแทรกเรื่องความเติบโตและการตัดสินใจที่มาพร้อมพลังอำนาจ รวมทั้งการมีอิทธิพลต่อโลกในฐานะ อเวนเจอร์ อีกด้วย

ก่อนหน้านี้ผู้กำกับอย่างจอห์น วัตต์ ไม่ได้รับคำชมมากมายจาก Far From Home หรือ Home coming แต่ภาคนี้ผมแอบรู้สึกว่าเราต้องให้เครดิตผู้กำกับและทีมงานเต็ม ๆ เพราะมีฉากที่ตระการตาอย่างมิติกระจกที่มีตัวอย่างออกมาก่อนหน้าของ สไปดี้ และ หมอแปลกในฉากที่มีรถไฟ เต็มไปด้วยอารมณ์และฉากแอคชั่นรวมทั้งคอมพิวเตอร์กราฟิคที่ยอดเยี่ยม  และนี้เป็นหนึ่งในหนังของมาร์เวลที่ดีที่สุดในมุมมองของผม

ถึงแม้จะถูกเรียกว่าเป็นภาพยนตร์ที่เน้นแฟนเซอร์วิส ก็ถูกส่วนหนึ่งแต่ผมแอบคิดว่าเขาทำขึ้นตามแบบฉบับของสไปเดอร์แมนจริง ๆ ในฉบับ Comic การได้พบปะกันของตัวละครต่าง ๆ ซึ่งยียวนกวนกันมันส์เลยล่ะครับ

SPIDER-MAN: NO WAY HOME

ดูรายการอื่น ๆ ใน YouTube: https://www.youtube.com/c/bigdream2014

Spider-Man: No Way Home Review ไม่สปอย สไปเดอร์แมนที่ดีที่สุด
คาดหวังสูงแต่ก็ยังเหนือความคาดหวัง
เรื่องนี้เราคาดหวังไว้สูงมาก เพราะดูจากเอ็นเครดิตของหลาย ๆ เรื่องรวมทั้งเรื่อง Venom ด้วย แต่ก็เหนือความคาดหวังต้องชื่อชมผู้กำกับมาก ๆ ทำได้ดีมาก ๆ เลย
เนื้อหา บท การเล่าเรื่อง
8.5
Design, CG, Mood and Tone
10
ตรรกะของหนัง Logical
9.5
ความบันเทิง Entertianment
10
Casting, นักแสดง
10
Reader Rating20 Votes
9.4
ข้อดี
Key take away เรื่องที่ได้ของภาพยนตร์
ไอเดียแนวคิดของภาพยนตร์
ข้อสังเกต
บททำให้แน่นกว่านี้ได้ เบากว่าที่คิดนิดนึง
9.6
9
karnnikro
karnnikrohttps://www.karnnikro.com
MD of NIKRO GROUP CO.,LTD. และบรรณาธิการบริหาร BIGDREAMBLOG | License holder TEDxBangKhunThian | อดีตที่ปรึกษาประธาน กมธ พัฒนาการเมืองฯ | อดีตรองผู้อำนวยการมติชนอีเว้น | Entrepreneurship Degree & Law School | อยากได้สิ่งที่ไม่เคยได้ต้องทำสิ่งที่ไม่เคยทำ | รักแมววว

Similar Articles

Comments

Instagram

ที่ปรึกษาการตลาด / จัดอีเว้นท์ / ที่ปรึกษากฎหมายธุรกิจ | ปรึกษา | กฎหมาย | ธุรกิจ การตลาด อีเวนต์

Most Popular