เล่าหนังสือวิธีพาตัวเองออกจากกล่องใบเล็ก | เราเองที่ไม่รู้ตัว

Reading Time: < 1 minute
สรุปหนังสือ วิธีพาตัวเองออกจากกล่องใบเล็ก
Reader Rating4 Votes
9.2
9

เล่าหนังสือ วิธีพาตัวเองออกจากกล่องใบเล็ก หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือหนึ่งเล่มที่อยู่ในลิสต์ หนังสือเปลี่ยนชีวิตผมไปตลอดกาล และจะยังคงเป็นอย่างนั้นต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งในตอนนี้ผมตั้งชื่อตอนว่า หรือเป็นเราเองที่ไม่รู้ตัว เป็นหนึ่งในสิ่งที่ผมฉุกคิดได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ และนี้คือ รีวิวหนังสือ เล่มนี้ของเราครับ

สรุปหนังสือ วิธีพาตัวเองออกจากกล่องใบเล็ก

โครงเรื่องของหนังสือเดินเรื่องผ่านตัวละครที่เป็นผู้บริหารระดับสูง ที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่ชีวิตถูกทำให้รู้สึก Toxic จากบุคคลรอบข้าง และเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกของเขาเองทั้งความสัมพันธ์กับ ภรรยา ลูกชายรวมทั้งลูกน้องและเจ้านายเก่าของเขาด้วย ตลอดเวลาที่ผ่านมาหากฟังจากเรื่องราวที่เขาเล่าแล้วทำให้เขาเชื่อสนิทใจและเราอาจจะเผลอเชื่อตามเขาไปด้วยก็ได้ว่า คนอื่นคือต้นตอของปัญหาที่เกิดขึ้น

ทั้งภรรยาที่เอาแต่ใจตัวเอง ลูกชายที่ไม่มีระเบียบวินัยและเกเรสร้างปัญหาที่โรงเรียนถูกเรียกพบผู้ปกครองอยู่บ่อย ๆ ลูกน้องที่ทำผิดพลาดไม่เก็บรายละเอียดแม้กระทั่งเรื่องง่าย ๆ

และวันที่หัวหน้าเขาเรียกประชุม ซึ่งเป็นประชุมที่ดูแล้วไม่รู้ว่าเนื้อหาของการประชุมนี้คืออะไร เป็นประชุมที่ดูแปลกประหลาดมาก แต่การประชุมครั้งนี้ทำให้เขาค้นพบว่า ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น คือเรามี กล่องที่ครอบงำชีวิตของเราอยู่

ไอกล่องที่ว่านี้ทำให้เรา คิดเข้าข้างตัวเอง มองอีกฝ่ายเลวร้ายเกินกว่าความเป็นจริง และดึงคนอื่น ๆ เข้ามาอยู่ในกล่องด้วยกัน ทำให้ปัญหานี้ลุกลามบานปลายไปเรื่อย ๆ และปัญหาที่แก้ไม่จน

ซึ่งไอกล่องที่ว่านี้ มันสร้างพลังที่น่ากลัวมาก เพราะมันทำให้เราเองที่เป็นฝ่ายไม่รู้ตัวว่าจริง ๆ แล้วเกิดอะไรขึ้นอยู่เพราะเราจะเรียกว่าเราสร้างการหลอกตัวเองขึ้นมา ไอกล่องใบนี้มันสามารถทำให้คนที่รักกันมากที่สุด เกลียดกันได้แบบอาฆาตโดยใช้เวลาเพียงไม่นาน โดยที่คนที่โดนกล่องครอบงำอยู่นั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปัญหาคืออะไร และยังจะโทษคู่กรณีอยู่ร่ำไป

ดังนั้นหนังสือเล่มนี้ชี้ให้เห็นว่าวิธีเดียวที่จะแก้ได้ก็คือ “ออกจากกล่อง” ใบนั้นซะ

รีวิวหนังสือเล่มนี้ในมุมของผม

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเปลี่ยนชีวิตผมไปตลอดกาล จากหน้ามือเป็นหลังมือ หลังได้อ่านเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว และเป็นหนังสือที่ต้องหยิบมาอ่านมันซ้ำ ๆ เพราะมันเป็นกระบวนการที่เราต้องทบทวนมันไปเรื่อย ๆ จนกว่าเราจะตายนั่นแหละ

นักเขียนเล่าเรื่องนี้ได้อย่างสนุกและเพลินมาก ระหว่างที่เราอ่านไป โดยเฉพาะการอ่านครั้งแรกเหมือนเราโดนดัดสันดานอยู่ตลอดเวลา และทุกบรรทัด แต่แปลกที่เราไม่รู้สึกโกรธเลย แต่เรารู้สึกขอบคุณหนังสือเล่มนี้ด้วยซ้ำ

และหนังสือเล่มนี้จะเป็นหนังสือที่เปลี่ยนชีวิตผม และเป็นหนังสือที่ดีที่สุดที่เคยอ่านมาต่อไป

หรือเราเองที่ไม่รู้ตัว

หนังสือมันเป็นแนวเรื่องที่เราต้องทำความเข้าใจไปทีละลำดับขั้นตอน จึงไม่สามารถสรุปให้เป็นข้อ ๆ ได้นะครับต้องค่อย ๆ ใช้เวลาอ่านมัน แต่ถ้าคุณได้อ่านมัน มันจะไม่ทำให้คุณเสียเวลาเลย และผมหยิบเรื่องนี้มาเล่าจากหนังสือเพราะคิดว่าเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจ และตั้งชื่อว่า “หรือเราเองที่ไม่รู้ตัว”

ผมพาทุกคนย้อนไปช่วงกลางของศตวรรษที่ 19 เรื่องราวมันเกิดขึ้นจากช่วงเวลานั้น

เซมเมลไวส์ เป็นสูตินรีแพทย์ชาวยุโรป ที่ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลกลางเวียนนา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีบทบาทสำคัญในวงการการวิจัยทางการแพทย์ และกำลังพยายามหาสาเหตุของการตายระหว่างคลอด ซึ่งสถิตินี้น่ากลัวมาก เพราะผู้หญิง 10 คนที่คลอดลูกจากโรงพยาบาลแห่งนี้จะมีคนตาย 1 คน

ซึ่งจากสถิติดังกล่าวทำให้ทุกคนที่จะคลอดลูกกลัวกันมากที่จะมาคลอดลูกที่โรงพยาบาล ถึงขั้นยอมคลอดลูกที่ข้างถนนก่อนแล้วค่อยอุ้มลูกมาที่โรงพยาบาล

การเสียชีวิตนี้ถูกเรียกเป็น “อาการติดเชื้อระหว่างคลอดบุตร” ในยุคหลัง ๆ  ซึ่งในสมัยนั้นหมอรักษาอาการดังกล่าวแยกกัน อาการอักเสบเลือดคลั่งหมอจะใช้วิธีเอาเข็มเจาะเลือดออก หรือใช้ปลิงดูด อาการไข้ก็รักษาแบบเดียวกัน ส่วนอาการหอบหืดนั้นเกิดจากอากาศไม่ถ่ายเท ซึ่งทั้งหมดเป็นอาการของเชื้อดังกล่าว ซึ่งต่อให้หมอพยายามเปลี่ยนระบบถ่ายเทอากาศหรือรักษาไข้อย่างดีแค่ไหน ผู้หญิงที่ติดเชื้อระหว่างคลอดก็จะตายภายในไม่กี่วันอยู่ดี

เซมเมลไวส์ หมอที่ผมพูดุถึงตอนแรก ก็หมกมุ่นกับการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนและใช้เวลากับมันมากขึ้นเพราะว่ามันเกี่ยวข้องกับชีวิตคน ซึ่งศึกษาไปเรื่อย ๆ ก็ยังไม่เห็นความแตกต่างถึงอัตราผู้เสียชีวิตจากแผนกอื่น ๆ ที่ต่างกันแค่ มีหมอเป็นผู้ดูแลการคลอด กับ พยาบาลผดุงครรภ์เป็นคนทำคลอด ซึ่งมันไม่สามารถอธิบายอัตราของการเสียชีวิตได้ คนไข้ทุกคนได้รับการดูแลในระบบเดียวกัน ทั้งระบบถ่ายเทอากาศ อาหารการกิน หรือแม้แต่การซักรีดเสื้อผ้า เขาพิจารณาความเป็นไปได้ทุก ๆ อย่างแต่ก็จไม่เจอคำตอบอะไรเลย

เขาใช้เวลาสี่เดือนต่อจากนั้นเพื่อไปดูโรงพยาบาลอื่น ๆ และเมื่อกลับมาที่โรงพยาบาลตัวเองทำให้เขาพบความน่าประหลาดใจคือ อัตราการตายของผู้หญิงที่คลอดลูก ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ

ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่มันลดลงจริง ๆ ซึ่งเขาใช้เวลาอยู่นานหาคำตอบว่าทำไม จนทำให้เขานึกถึงจุดเด่นของโรงพยาบาลคืองานวิจัย ซึ่งวิจัยของหมอคือการวิจัยจาก “ศพ” หมอหลายคนในโรงพยาบาลใช้เวลาจำนวนมากไปกับการวิจัยควบคู่ไปกับการรักษาผู้ป่วย

ซึ่งเซมเมลไวส์เปรียบเทียบคนที่มาทำงานแทนตนเองตอนที่เขาไม่อยู่ พบว่าความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือหมอใช้เวลาไปกับการวิจัยน้อยกว่าช่วงที่เซมเมลไวส์อยู่

จากการสังเกตนี้เขาก็พัฒนาทฤษฎีการติดเชื้อระหว่างคลอด ซึ่งเป็นทฤษฎีเชื้อโรคในเวลาต่อมา เขาลงความเห็นว่า ‘อนุภาค’ จากซากศพเนี้ยแหละ ถ่ายทอดไปสู่คนไข้ที่สุขภาพดี ให้ตายได้ผ่าน “มือของหมอ”

หลังจากนั้นจึงมีการกำหนด นโยบายให้หมอทุกคนต้องล้างมือให้สะอาดด้วยสารละลายคลอรีนผสมปูนขาวก่อนจะลงมือตรวจคนไข้ และผลลัพธ์เป็นอย่างไรรู้ไหมครับ ?

!อัตราการเสียชีวิตจาก 1 ต่อ 10 ลดลงเหลือ 1 ต่อ 100 ในทันที!

เซมเมลไวส์พูดไว้ว่า “คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่ามีคนไข้มากมายขนาดไหนที่ตายก่อนวัยอันควรเพราะผม”

เซมเมลไวส์ กับการล้างมือ

กลับมาที่หนังสือ

ลองคิดถึงเรื่องที่เล่ามาเมื่อสักครู่สิครับ ลองคิดว่าเราเป็นหมอที่พยายามใช้ชีวิตอยู่กับเรื่องนี้ หลังเข้าใจว่าเราพยายามอย่างหนักเพื่อแก้ไขปัญหานี้และรักษาคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แต่เราเองกลับกลายเป็นพาหะนำเชื้อโรคที่คร่าชีวิตคนนับพัน ซึ่งวิธีการป้องกันมันง่ายมาก ๆ คือการล้างมือเท่านั้นเอง

และเรื่องนี้มีอยู่ในสังคมเราจริง ๆ ในความสัมพันธ์ โดยที่มีทุกคนเป็นพาหะนำโรค มันสามารถทำให้ผู้นำที่มีประสิทธิภาพ ทำงานแย่ลงได้ ทำให้คนดี ๆ เป็นคนรักที่เป็นปีศาจร้ายได้ ทำลายการทำงานเป็นทีมให้พังไม่เป็นท่า และเป็นต้นเหตุของเรื่องคน อย่างนับไม่ถ้วน

ซึ่งหนังสือเล่มนี้จะสามารถทำให้เราคัดแยกเชื้อโรคที่ว่านี้ออกและกำจัดมันทิ้งได้

เป็นสิ่งที่หนังสือเล่มนี้พูดถึง ที่เรียกว่า “กล่อง” หรือ “การหลอกตัวเอง” นั่นเอง

กล่าวโดยสรุป

นี้เป็นเพียงส่วนย่อยของหนังสือเล่มนี้เท่านั้น หากมีโอกาสแนะนำหนังสือให้ใครได้เพียงเล่มเดียวเล่มนี้จะเป็นเล่มที่ผมพูดถึงเสมอ เพราะมันเปลี่ยนชีวิตผมจริง ๆ ครับ!

สรุปหนังสือ วิธีพาตัวเองออกจากกล่องใบเล็ก
เล่าหนังสือวิธีพาตัวเองออกจากกล่องใบเล็ก | เราเองที่ไม่รู้ตัว
เนื้อหา บท การเล่าเรื่อง
8
คุณค่าของเนื้อหาในมุมมองผม
10
ตรรกะของหนัง Logical
9
Reader Rating4 Votes
9.2
9
karnnikro
karnnikrohttps://www.karnnikro.com
MD of NIKRO GROUP CO.,LTD. และบรรณาธิการบริหาร BIGDREAMBLOG | License holder TEDxBangKhunThian | อดีตที่ปรึกษาประธาน กมธ พัฒนาการเมืองฯ | อดีตรองผู้อำนวยการมติชนอีเว้น | Entrepreneurship Degree & Law School | อยากได้สิ่งที่ไม่เคยได้ต้องทำสิ่งที่ไม่เคยทำ | รักแมววว

Similar Articles

Comments

Leave a Reply

Instagram

ที่ปรึกษาการตลาด / จัดอีเว้นท์ / ที่ปรึกษากฎหมายธุรกิจ | ปรึกษา | กฎหมาย | ธุรกิจ การตลาด อีเวนต์

Most Popular