ชีวิตฉันแบกอะไรมากเกินไปหรือเปล่านะ รีวิวหนังสือ Repacking your bags ช่วงทำงานเครียดๆ หนังสือเล่มนี้ช่วยได้เยอะเลย เพราะมันไม่ได้เครียดจากงาน แต่มันมาจากความคาดหวังตัวเองนี่แหละที่แบกไว้จนเครียด เลยแผ่รังสีความเครียดไปถึงคนอื่นสะได้
ถอดบทเรียนหนังสือ ชีวิตฉันแบกอะไรไว้มากเกินไปหรือเปล่านะ
เกี่ยวกับเรื่อง “ความสัมพันธ์ ทำไมต้องจัดระเบียบ” ในหนังสือเล่มนี้เล่าถึงภาระที่แบกไว้ เหมือนการที่เราเดินทางไปไหนสักที่แล้วเราหยิบของใส่ไปในกระเป๋าเดินทางด้วย โดยส่วนใหญ่แล้วเราจะหยิบความคาดหวังไว้เต็มตัว และแน่นอนอะไรที่มันคาดไว้มันก็จะหนักเป็นธรรมดา
หนังสือเล่มนี้แบ่งมันออกเป็นหลาย ๆ หมวดหมู่ เพื่อให้เราได้จัดระเบียบภาระ ความคาดหวัง ของสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
- งาน
- ความสัมพันธ์
- เป้าหมายและความฝัน
ซึ่งไม่ได้มาพร้อมทางออกให้เรา แต่มาพร้อมคำถามที่ทำให้ราได้คิดทบทวนตัวเองอีกที ว่าสิ่งที่เรากำลังแบกอยู่นั้น “มันมากเกินไปหรือเปล่านะ?”
จุดแรก คือการจะรู้ว่าเราแบกมากไปไหมคือเราต้องรู้ก่อนว่าเราแบกอะไรอยู่บ้าง? เขาแนะนำให้รื้อกระเป๋าของตัวเองออกมาดูทั้งหมดว่ามันมีอะไรบ้างแล้วค่อย ๆ จัดระเบียบมันใหม่
ผมขอเล่าส่วนเล็ก ๆ ในหนังสือที่ผมชอบ นั่นก็คือการจัดระเบียบความสัมพันธ์ เพราะเป็นเรื่องที่ผมค่อนข้างอิน ด้วยเหตุผลเพราะว่า ผมเชื่อจริง ๆ ว่าชีวิตที่มีความสุข คือชีวืตที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง (ตามที่วิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดทำวิจัยเลยครับ)
โดยเล่มนี้เปรียบทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนการเดินทางซึ่งความสัมพันธ์ก็เหมือนกับการเดินทางเหมือนกัน แต่เป็นการเดินทางตลอดชีวิต การใช้ชีวิตร่วมกับใครสักคนหนึ่ง
เป็นเหมือนการเดินทางในความสัมพันธ์
หนังสือเล่มนี้บอกว่า
…หนึ่งในความท้าทายสู่เส้นทางความสัมพันธ์ที่ยืนยาว เราควรต้องผ่าน “แบบทดสอบการเดินทาง” ให้ได้…
Repacking your bags
ซึ่งผมเห็นด้วย 100%
การเดินทางไปกับใครสักคนหนึ่ง เป็นวิธีที่ดีมากที่ได้ทำความรู้จักใครกันและกัน เพราะมันทำให้เห็นวิธีคิด วิธีตัดสินใจ วิธีการตอบสนองต่อปัญหา หรือแม้กระทั้งเรื่องเล็ก ๆ อย่างวิธีการเลือกร้านอาหาร รวมทั้งการแต่งตัว ซึ่งมันอาจทำให้เราสนิทใจกันมากขึ้น หรืออยากเลิกรู้จักกันไปเลย
ซึ่งปัญหาหลาย ๆ คู่ก็คือเราฝืนที่จะไปต่อ ทั้ง ๆ ที่เห็นปัญหา (จริงๆ เราเคย) และไม่ยินดีที่จะปรับ แล้ว “คิดว่ามันไม่เป็นไร” หรือคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ในระยะยาวจริง ๆ แล้ว “มันเป็น”
โดยเขาให้คำแนะนำถึงการจัดระเบียบความสัมพันธ์ดูว่า
ให้ลองวางแผนจัดทริปเที่ยว(อาจจะในจินตนาการ) โดยมี 3 ทริปหลัก ๆ
- ทริป ไปเช้าเย็นกลับ (8 ชั่วโมง)
- ทริป ไปสุดสัปดาห์ 2 วัน 1 คืน (48 ชั่วโมง)
- ทริป เดินทางตลอดชีวิต
ให้เราลองถามคำถามเหล่านี้ดูกับตัวเอง
- ถ้าเราต้องใช้เวลาร่วมกัับใครในช่วงเวลาดังกล่าว เรานึกถึงใคร?
- เราอยากใช้เวลาดังกล่าวไปที่ไหนกับเขา?
- เราอยากทำอะไร?
ถามคำถามเหล่านี้ให้ได้ครบทั้ง 3 ทริป กับตัวเอง อาจจะไม่ใช่ชื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งก็ได้ครับ เพราะความสัมพันธ์เรามีหลายรูปแบบ หลาย Categories (ครอบครัว เพื่อน หุ้นส่วน คนรัก พี่น้อง ฯลฯ)
หากเขียนคำตอบของคำถามข้างต้นได้ครบและพอจะนึกถึงผู้คนเหล่านั้นออกแล้ว เราจะเห็นผู้คนที่อยู่รอบตัวเราแล้วนะครับว่าใครบ้างที่เราไม่อยากให้เขาหายไปไหน และไม่แน่อาจจะลองพูดคุยกัน ทริปที่คุณจินตนาการมาอาจจะกลายเป็นความจริงก็ได้ครับ
POST CARD เปิดเผยตัวตน
อีกหนึ่งคำถามใหญ่ของหนังสือเล่มนี้คือการให้แบบฝึกหัดเรากลับมาทำครับ คือการให้เราเขียน POST CARD เปิดเผยตัวตน ให้ใครสักคนหนึ่งครับ โดยให้เราตอบคำถามเหล่านี้
- ใครที่รู้และเข้าใจความเป็นตัวเราอย่างลึกซึ้งว่าแท้จริงแล้วเราเป็นอย่างไร
- มีเรื่องอะไรบ้างที่คุณไม่เต็มใจอยากจะเล่าให้เขาฟัง และมีเรื่องอะไรบ้างที่คุณไม่อยากเล่าให้ใครฟัง
- ให้เขียนชื่อ หรือวาดภาพคนที่เห็นตัวตนคุณอย่างถ่องแท้ลงใน post card
- เขียนถึงวิธีการที่คุณจะยอมเปิดใจเล่าเรื่องดังกล่าวให้เขาคนนั้นฟัง
- อาจจะเขียนเพิ่มเล็ก ๆ ว่า “ขอบคุณที่รับฟัง” ไว้ข้าง ๆ รูปของเขา
- จากนั้นลองส่ง Post card ที่คุณเขียนให้กับเขาดู
หลังจากนั้นสัก 3-4 วันก็ลอง review ความสัมพันธ์หลังจากที่เราได้ลองเปิดใจกับเขาไปแล้ว เพื่อทำให้ความสัมพันธ์ที่คุณอยากรักษาไว้ และทำให้มันดีขึ้นครับ!
ด้วยเหตุผลเพราะ เขาบอกว่าการจะมีความสัมพันธ์ระยะยาว ปัจจัยหนึ่งคือการเปิดเผยตัวตน และโปร่งใสในความสัมพันธ์ หากคุยกันอย่างเปิดอกอยู่แล้วย่อมเป็นเรื่องที่ดี แต่ว่า หากยังไม่เคยเปิดเผยตัวตนต่อใคร ผมว่ามันไม่เสียหายเลยนะที่จะฝึกฝนทักษะนี้ ถ้ามันทำให้คนที่คุณรักษาไว้อยู่กับคุณ หรือไปจากคุณ มันจะได้ไม่เสียเวลา และเป็นความสะบายใจให้แก่กันด้วย
“ยิ่งคุณเปิดใจให้คนอื่นใกล้มากเท่าไหร่
เขาจะยิ่งเปิดใจรับคุณมากเท่านั้น”
นั่นคือสิ่งที่หนังสือเล่มนี้บอกครับ แต่อย่างไรก็ดีผมขอเสริมเองว่าเราต้องเลือกคนให้ถูกคนตั้งแต่แรกด้วยน่าจะดีกว่าครับ
เพราะชีวิตเราต้องเจอคนมากมาย และความเจ็บปวดเรื่องคนคือการที่เรา เจอผู้คนและนำผู้คนต่าง ๆ ไปอยู่ผิด Categories นั่นเอง หากมีเวลาว่าง ๆ ผมว่าใช้เวลานั้นมาจัดระเบียบความสัมพันธ์ก็ดีเหมือนกันนะครับ ^^ (หรือถ้าไม่ว่างก็หาเวลาให้มันครับ)
อยากได้ในสิ่งที่ไม่เคยได้ ต้องทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ
คำคม KARNNIKRO
follow us |
- กดติดตามเพจ Big Dreams และกด see first ไว้ก่อน
- เพื่อไม่พลาดบทความดีๆแบบนี้ทุกวันนะครับ
- Website: https://www.bigdreamblog.com
- Blockdit: https://www.blockdit.com/bigdreamblog
- Twitter: https://www.twitter.com/karnnikro
- Youtube: https://www.youtube.com/c/BIGDREAM2014
- บทความรวมคำคม | https://www.bigdreamblog.com/home-คำคม/สารบัญ-คำคม-คำคมคนดัง/