ยูเครน ครบ 1 ปีของการรุกราน

Reading Time: 3 minutes

ยูเครน : 1 ปี ปูติน รุกราน #ยูเครน ตอนนี้ไปทางไหน? สถานการณ์เป็นอย่างไร? อะไรเกิดขึ้นบ้าง แล้วปูตินได้สิ่งที่ต้องการหรือยังบทความนี้จะสรุปสถานการณ์ให้ครับ

จุดเริ่มต้นความความโหดร้ายในการบุก ยูเครน ของปูติน

ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022: ทหารของวลาดิมีร์ปูตินได้ถูกส่งไปยังประเทศยูเครนจำนวน 200,000 คน โดยมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนว่าต้องการเข้ายึดครองเมืองหลวง Kyiv ภายใน 3 วันและลบล้างรัฐบาลที่ปัจจุบันอยู่ ในที่สุดว่าจะเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองและมอบดินแดนบนดอนบาสให้กับประเทศรัสเซีย ถ้าสำเร็จก็อาจจะยึดครองทั้งประเทศยูเครนได้เช่นกัน แน่นอนว่าเหตุการณ์ที่น่ากลัวนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในอนาคต

ความจริงนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายดังที่ผู้นำเผด็จการรัสเซียคิดเอาไว้เท่านั้น ยูเครนที่ซึ่งมีประธานาธิบดีปัจจุบันคือ Zelenskyy สามารถป้องกันการบุกเข้ามายังทำเนียบรัฐบาลและเมืองหลวงได้อย่างมั่นคง และเมื่อได้รับการถามตอบว่าเกี่ยวกับแผนการยึดครองเมืองหลวงภายในเวลา 3 วันของปูติน ประธานาธิบดี Zelenskyy จึงตอบกลับมาว่า “เขาคิดว่าใช้เวลา 3 วัน แต่ 3 เดือนแล้วเขาก็ยังไม่สามารถยึดเมืองหลวงได้” ดังนั้นสรุปได้ว่าแผนการของปูตินที่เขาเรียกว่า ‘ปฎิบัติการพิเศษทางทหาร’ ก็ไม่ง่ายเหมือนที่เขาคิด


“เขาคิดว่าใช้เวลา 3 วัน แต่ 3 เดือนแล้วเขาก็ยังไม่สามารถยึดเมืองหลวงได้”

คำคม Zelenskyy

วิกฤตผู้ลี้ภัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของโลก

เมื่อปูตินประกาศว่า ‘มันคือปฎิบัติการพิเศษทางทหาร’ หลายคนอาจจะเชื่อว่าเป็นเรื่องง่าย แต่ความจริงกลับแตกต่างไปจากนั้นมาก ในประวัติศาสตร์ของยุโรป สงครามยูเครน-รัสเซียถือเป็นสงครามที่มีมิติทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยมีผลกระทบต่อคน 15 ล้านคนที่สูญเสียทั้งชีวิตและที่อยู่อาศัย

แม้ว่าปูตินจะย้ำว่าเป็นปฎิบัติการพิเศษทางทหาร แต่ความเป็นจริงเป็นสงครามยูเครน-รัสเซียที่ใหญ่ที่สุดและมีผลกระทบอย่างมากในยุโรปตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีผู้ที่ได้รับผลกระทบกว่า 15 ล้านคนและทำให้ผู้รอดชีวิตต้องเผชิญกับสถานการณ์วิกฤตในการลี้ภัยอย่างรุนแรง

ไม่ว่าจะเรียกว่าปฎิบัติการพิเศษทางทหารหรือสงครามยูเครน-รัสเซีย ความจริงก็คือเป็นเหตุการณ์ที่เป็นประวัติศาสตร์และมีอิทธิพลอย่างมากและส่งผลกระทบต่อคนทั่วโลก

เป้าหมายของปูตินในการรุกรานวันแรก

ในวันที่บุกเข้าไปในยูเครน ปูตินได้ทำการประกาศต่อสาธารณะเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของการดำเนินการนั้น ซึ่งมุ่งเน้นไปที่เรื่องการปกป้องความปลอดภัยของประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องเผชิญกับการอัปยศอดสูและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในสถานการณ์ปัจจุบันของยูเครน โดยการดำเนินการนี้มีการสนับสนุนจากระบอบการปกครองของยูเครน

เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นคงและปลอดภัย ปูตินได้แสดงถึงความสำคัญของการปกป้องผู้คนในยูเครน โดยการพยายามให้ปลอดภัยจากการอัปยศอดสูและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และรักษาสภาพการเป็นประชาธิปไตยให้กับยูเครน นับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการดำเนินการนี้ โดยเป้าหมายหลักของการดำเนินการนี้คือการสร้างสภาพการเป็นประชาธิปไตย และเป็นการสร้างความมั่นคงให้แก่ประชาชนในยูเครน ทั้งนี้ เพื่อให้ยูเครนเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยและมีความเจริญก้าวหน้าไปด้วยกัน

นั่นเป็นสิ่งที่ผู้นำรัสเซียประกาศไปยังโลก

ปูตินกล่าวในวันแรกของการรุกราน: “วัตถุประสงค์ของการดําเนินการนี้คือเพื่อปกป้องผู้คน ผู้ที่ต้องเผชิญกับความอัปยศอดสูและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ โดยระบอบการปกครองของKyiv ด้วยเหตุนี้เราจะพยายามทําให้ปลอดทหารและ ทําให้ยูเครนเป็นประชาธิปไตย”

ทันทีที่เกิดการรุกรานยูเครน Zelenskyy เรียกร้องให้เกิดการเจรจา ถึงแม้ก่อนหน้าเกิดการรุกราน Zelenskyy คนเดียวกันนี้ออกมาบอกว่ามันจะไม่เกิดการรุกราน แต่พอการเรียกร้องการเจรจาไม่เป็นผล วันที่ 2 ของการรุนราน Zelenskyy บอกว่า “The enemy has designated me as target number one; my family is target number two,” said Volodymyr Zelensky “ศัตรูหมายหัวผมเป็นเป้าหมายอันดับ หนึ่ง และครอบครัวผมเป็นเป้าหมายอันดับ สอง”

“ศัตรูหมายหัวผมเป็นเป้าหมายอันดับ หนึ่ง และครอบครัวผมเป็นเป้าหมายอันดับ สอง”

Volodymyr Zelenskyy

หนึ่งเดือนหลังสงคราม

หนึ่งเดือนหลังการบุกรุก เป้าหมายของปูตินดูลดลดความทะเยอทะยานลงอย่างมาก หลังจากการถอยออกจาก Kyiv และ Chernihiv เป้าหมายหลักกลายเป็น “การปลดแอก Donbas” ซึ่งคือภูมิภาคอุตสาหกรรมสองแห่งของ ยูเครน ทางตะวันออกของ Luhansk และ Donetsk

การถอยทัพออกจาก คาร์คิฟ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและ Kherson ทางตอนใต้ แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมายของกองทัพ แต่เป้าหมายของรัสเซียยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และทุ่มกำลังไปยังแคว้นดอนบาสของยูเครนแทน

และปูตินก็ได้ควบคุมทางทหารกับการบริหารในท้องถิ่นของ 4 แคว้น ทางตอนใต้ Luhansk หรือ Donetsk, Kherson, Zaporizhzhia และจัดประชามติเพื่อยกดินแดนให้กับรัสเซีย ซึ่งก่อนการจัดทำประชามติ มีการลักพาตัว ผู้ว่าในพื้นที่นั้น ๆ เพื่อเขาคนของรัสเซียมาบริหารพื้นที่และประชามติแทน

และปูตินได้ประกาศ ต่อสาธารณะว่าพื้นที่ของยูเครน ใน 4 ภูมิภาคที่ทำการประชามติ เป็นของรัสเซียนับตั้งแต่นั้น แต่ทางฝั่ง EU และ NATO ดูเหมือนจะไม่เห็นด้วยโดยเรียกการประชามตินี้ว่าไม่ชอบธรรม และเป็นการจัดทำประชามติแบบหลอกๆ หรือจอมปลอม

เรียกกองกำลังหนุนเพิ่ม

หลังจากนั้นปูตินได้เรียกระดมพลทหารกองหนุนเพิ่มเป็นครั้งแรก แต่เรียก ถึง 300,000 นาย เพื่อเข้าร่วมกับการรบ ปูตินบอกในเดือนธันวาคมว่าสงคราม “อาจเป็นสงครามที่ยืดเยื้อ” แต่หลังจากนั้นเสริมว่าเป้าหมายของรัสเซียคือ “ไม่หมุนวงล้อแห่งความขัดแย้งทางทหาร” แต่จะจบมัน

เข้าร่วมตะวันตกอย่างเต็มตัวของยูเครน

Zelenskyy เริ่มมีท่าทียอมถอย ว่าจะไม่เข้า NATO แล้ว หลังจากที่พยายามมาอย่างยาวนาน แต่ NATO ดูเหมือนไม่ค่อยอยากรับเข้าเพื่อเพิ่มความขัดแย้ง แต่ทางปูตินไม่ลดละยังระดมยิงเพิ่มขึ้นนั่นเป็นฟางเส้นสุดท้ายทำให้ยูเครน ตัดสินใจยื่นสมัครเข้าร่วม NATO อย่างเป็นทางการ

รวมทั้งยังยื่นเข้าร่วมเป็นสมาชิก สหภาพยุโรป ซึ่งกระบวนการเป็นสมาชิกโดย นิตินัย นั่นมีการตรวจสอบเยอะ แต่ทางพฤตินัย เหล่าสมาชิกหลายประเทศ(ยกเว้นฮังการี่) ให้การยอมรับยูเครนคล้ายเป็นสมาชิก และกระบวนการการขอเป็นสมาชิกของยูเครน ถูกเร่งรัดให้เป็นกรณีพิเศษอีกด้วย

NATO Secretary General Jens Stoltenberg and the President of Ukraine Volodymyr Zelenskyy

ความทะเยอทะยานของปูติน

อย่างไรก็ดี ปูตินได้เปรียบเทียบตัวเองกับความสำเร็จของ ซารัสรัสเซีย ปีเตอร์มหาราช พูดถึงการยึดครองดินแดนนี้ซึ่งรวมถึงเมืองต่าง ๆ ของ Mariupol และ Melitopol เป็นชัยชนะที่สำคัญทางทะเล Azov ภายในช่องแคบเคิร์ช “กลายเป็นทะเลภายในของรัสเซีย” ซึ่งแม้แต่ปีเตอร์มหาราชก็ไม่ได้ทำเรื่องนี้

โยนข้อหาให้ผู้เห็นต่าง

แต่ถึงแม้ปูตินจะดูมั่นใจแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถปฎิเสธความจริงได้ว่า เขาถูกปิดประตูจากนานาประเทศมากขึ้น ถูกคว่ำบาตร และเขาเดินทางออกนอกประเทศน้อยครั้งมาก(ที่ไม่ใช่เบลารุส) เขาไล่จับสื่อและผู้คนที่ออกมาต่อต้านด้วยข้อหา “FAKE NEWS”

และปูตินได้เสียความเป็นมิตร ระหว่างยูเครนไปยังประเทศตะวันตกอย่างแน่นอน เพราะยูเครน มีความชัดเจนไปทางตะวันตก รวมทั้ง ประเทศตะวันตกเองก็เปิดรับยูเครนในเวทีโลกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตะวันตก EU UK ต่างสนับสนุนอาวุธ และเศรษฐกิจ เพื่อให้ยูเครนชนะสงครามนี้

การที่ผู้นำนานาชาติเดิมพันข้าง #ยูเครน ตรงข้ามรัสเซีย นั่นหมายถึงสงครามนี้จะปล่อยให้ “รัสเซียชนะไม่ได้”


บทสรุปของสงคราม

แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากติดตามสงครามนี้มาตลอด 1 ปี มีทั้งคาดการณ์ถูก และคาดการณ์ผิด แต่สิ่งเดียวที่รู้จากสงครามนี้ก็คือ “เราไม่รู้ ว่าปูตินคิดอะไรอยู่ และจะทำอะไรต่อไป” #1YearofUkraineInvasion

ติตามต่อได้ใน Twitter

karnnikro
karnnikrohttps://www.karnnikro.com
MD of NIKRO GROUP CO.,LTD. และบรรณาธิการบริหาร BIGDREAMBLOG | License holder TEDxBangKhunThian | อดีตที่ปรึกษาประธาน กมธ พัฒนาการเมืองฯ | อดีตรองผู้อำนวยการมติชนอีเว้น | Entrepreneurship Degree & Law School | อยากได้สิ่งที่ไม่เคยได้ต้องทำสิ่งที่ไม่เคยทำ | รักแมววว

Similar Articles

Comments

Leave a Reply

Instagram

ที่ปรึกษาการตลาด / จัดอีเว้นท์ / ที่ปรึกษากฎหมายธุรกิจ | ปรึกษา | กฎหมาย | ธุรกิจ การตลาด อีเวนต์

Most Popular