Adolescent รีวิว Netflix | เป็นซีรีส์แนวอาชญากรรมเด็กที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงเป็นหนึ่งในเส้นเรื่อง แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของเรื่องซึ่งได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก ๆ หลังจากปล่อยออกมาทาง Netflix เช่นได้รับคะแนนชื่นชอบ 100% จากนักรีวิวใน Tomatometer และ 75% จากผู้ชมอื่น ๆ อีกทั้งยังได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากช่องรีวิวอื่น ๆ ด้วยเช่นคะแนนเฉลี่ย 9.1/10 รีวิวจาก Forbes กล่าวว่าเป็น “ผลงานชิ้นเอกด้านเทคนิค” วันนี้เรื่องนี้เป็นอย่างไรก็จะมารีวิวตามแบบฉบับของเราเช่นเคยให้อ่านกัน!
Adolescent รีวิว Netflix | เรื่องย่อ
Adolescence เล่าถึงเรื่องราวของเจมี มิลเลอร์ เด็กชายวัย 13 ปีที่ถูกจับในข้อหาฆาตกรรมเคที ลีโอนาร์ด เพื่อนร่วมชั้นเรียน เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อตำรวจบุกเข้าจับกุมเจมีที่บ้านของครอบครัวมิลเลอร์ ซึ่งประกอบด้วย เอ็ดดี้(พ่อ) แมนดา(แม่) และลิซา(พี่สาว) การสืบสวนดำเนินไปพร้อมกับการสำรวจผลกระทบต่อครอบครัวและสังคม โดยเน้นไปที่ประเด็นเช่น สื่อสังคมออนไลน์ ความคาดหวังต่อเพศชาย และระบบยุติธรรมในกระบวนการสอบสวนตามวิธีพิจารณาความอาญา
บท Adolescent
Adolescent นำเสนอประเด็นปัญญหาในสังคมปัจจุบัน ซึ่งเห็นได้ในหลายประเด็นอาธิความกดดันต่อวัยรุ่นจากสื่อสังคมออนไลน์และเพื่อนฝูง ความคาดหวังทางสังคมต่อเพศชาย ผลกระทบของระบบยุติธรรมอาญาต่อครอบครัว วิกฤตภายในครอบครัวเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก ส่วนตัวผมเนื่องจากกำลังเรียนวิชากฎหมายอยู่ก็จะเห็นประเด็นในเรื่องของวิธีพิจารณาความอาญาจากเรื่องนี้เป็นหลัก และมีโอกาสได้ทำประเด็นปัญหาความรุนแรงในครอบครัว เด็กและเยาวชน จึงยิ่งมีความอินเข้าไปใหญ่
บทตอนแรกเป็นอะไรที่ต้องยอมรับว่าซีรีส์อังกฤษทำได้ดีมาก และทำได้ดีมาโดยตลอดพูดในฐานะแฟนซีรีส์ Criminal Series ซึ่งเรื่องนั้นทำได้ดีมาก ๆ ในมุมการสอบสวน และเรื่องนี้ทำได้ดีไม่แพ้กันและมีมุมการหาพยานหลักฐานอื่น ๆ การทำคดีความรุนแรงในเด็กซึ่งเรียกได้ว่าครอบคลุม ซีรีส์พาเราค่อย ๆ ไปหาคำตอบว่าทำไมเจมี่ถึงได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตรกรรมครั้งนี้ โชว์ความเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคม ช่องว่างระหว่างวัยที่เกิดขึ้นจริง
เป็นซีรีส์ที่มีบทถูกจริตผมจริง ๆ
การถ่ายทำ
ผมเพิ่งมาสังเกตว่า จุดเด่นที่ไม่เหมือนใครของ “Adolescence” คือการใช้เทคนิคช็อตต่อเนื่อง (one-shot) ในทุกตอน โดยแต่ละตอนถ่ายทำแบบไม่ตัดต่อ ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริง ซึ่งทราบจากบทความใน The Guardian และต้องย้อนกลับไปดูและตบเข่าฉาด ซีรีส์เรื่องนี้ต้องบอกว่าดีทั้งบท และดีทั้งการถ่ายทำ
เทคนิคนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ “Boiling Point” ที่กำกับโดยฟิลิป บารันตินีเช่นกัน การถ่ายทำแบบนี้ท้าทายทั้งทีมงานและนักแสดง โดยเฉพาะตอนที่ 3 ซึ่งจำกัดอยู่ในห้องเดียวและเน้นการแสดงมากกว่าการถ่ายทำ ซึ่งผลออกมาทำได้ค่อนข้างเพอร์เฟคเลยสำรับผม
ตัวละคร นักแสดง
นักแสดง | บทบาท | รายละเอียด |
---|---|---|
สตีเฟน เกรแฮม | เอ็ดดี้ มิลเลอร์ | พ่อของเจมี ทำงานเป็นช่างประปา |
แอชลีย์ วอลเทอร์ส | ดิเทคทีฟอินสเปคเตอร์ ลุค บาสคอมบ์ | ตำรวจหลักที่รับผิดชอบคดี |
โอเวน คูเปอร์ | เจมี มิลเลอร์ | เด็กชายวัย 13 ปี ผู้ถูกกล่าวหา |
คริสติน เทรมาร์โค | แมนดา มิลเลอร์ | แม่ของเจมี ดูแลบ้าน |
อเมลี พีส | ลิซา มิลเลอร์ | พี่สาวของเจมี |
เอริน โดเฮอร์ตี | ดิเทคทีฟเซอร์เจียนต์ มิชา แฟรงค์ | ตำรวจช่วยสืบสวน |
ทีมงานเบื้องหลัง
- ผู้เขียนบท: แจ็ค ธอร์น และ สตีเฟน เกรแฮม
- ผู้กำกับ: ฟิลิป บารันตินี
- ผู้ผลิต: Warp Films, Matriach Productions และ Plan B Entertainment (บริษัทของแบรด พิตต์)
- การถ่ายทำเริ่มในเดือนกรกฎาคม 2567 และเสร็จสิ้นในเดือนตุลาคม 2567 โดยสถานที่ถ่ายทำรวมถึงเซาท์เคิร์กบี, เซาท์เอลมซอล และเชฟฟิลด์ ในยอร์กเชียร์ สหราชอาณาจักร
ข้อคิด ถอดบทเรียนที่ได้จากซีรีส์
ในซีรีส์เรื่องนี้เราเห็นสภาพแวดล้อมทางสังคมที่มีความไม่ปลอดภัย มีความกดดัน ซึ่งสภาพแวดล้อมเหล่านี้เมื่อเกิดขึ้นจะส่งผลต่อตัวเด็กและเยาวชน แต่น้อยคนนักที่จะมีความเข้าใจในเด็ก ๆ เหล่านี้ เพราะเมื่อเด็กมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป สังคมจะมุ่งเป้าไปที่เด็กทันทีจากพฤติกรรมที่ก้าวร้าว แต่ไม่ได้สังเกตหรือสำรวจเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังของความก้าวร้าวเหล่านี้
ซีรีส์เป็นกระจกสะท้อนปัญหาความรุนแรงในเยาวชนที่พบได้ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย บทเรียนสำคัญคือ การแก้ไขปัญหานี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว โรงเรียน สังคม และระบบยุติธรรม โดยเน้นการป้องกัน ฟื้นฟู และสร้างความตระหนักถึงปัจจัยที่ผลักดันให้เยาวชนหันไปใช้ความรุนแรง เพื่อให้สังคมปลอดภัยและเยาวชนมีอนาคตที่ดีขึ้น

บริบทความรุนแรงในเด็กในประเทศไทย
ความรุนแรงในเยาวชนเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจในประเทศไทย โดยมีข้อมูลและรายงานที่ชี้ให้เห็นถึงสถานการณ์
สถิติทั่วไปเกี่ยวกับอาชญากรรมเยาวชนจาก Crime in Thailand – Wikipedia ระบุว่าอาชญากรรมในประเทศไทยลดลงตั้งแต่ปี 2546 แต่การล่วงละเมิดของเยาวชนกลับเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อัตราการฆาตกรรมต่อประชากร 100,000 คนในปี 2567 อยู่ที่ 2.6 แต่ข้อมูลนี้ไม่ระบุว่าเยาวชนมีส่วนเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงใด
การสำรวจพฤติกรรมเสี่ยงของเยาวชน
การศึกษาจาก Health risk behavior among Thai youth: national survey 2013 – PubMed ซึ่งสำรวจเยาวชน 938 คน อายุระหว่าง 13-24 ปี พบว่าร้อยละ 15.9 เคยมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทร้อยละ 8.1 เคยถูกกลั่นแกล้งทางไซเบอร์นอกจากนี้ยังพบอัตราการสูบบุหรี่ (22.3%) และดื่มแอลกอฮอล์ (27.9%) ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมเสี่ยงอื่นๆ
ความรุนแรงในนักเรียนมัธยมการศึกษาจาก Violence among high school students in Thailand: Cultural perspectives – ScienceDirect ซึ่งสำรวจนักเรียนมัธยม 2,897 คน พบว่า
- ผู้ชายมีพฤติกรรมรุนแรงมากกว่าผู้หญิง
- ปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ส่งผลต่อความรุนแรงคือสภาพแวดล้อมที่มีความรุนแรง รองลงมาคือผลกระทบจากเพื่อนและลักษณะส่วนบุคคล
จาก Thai Youth Are More Violent Due To A Weak Society, Say Experts – Khaosod English มีการรายงานกรณีความรุนแรงของเยาวชน เช่น
- เด็กอายุ 14 ปียิงในห้างสรรพสินค้า ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย
- กรณีเด็ก 5 คนทำร้ายและฝังหญิงไร้บ้านวัย 47 ปีจนเสียชีวิต
- นักเรียนฆ่าคนรู้จักด้วยประแจหรือแทงเพื่อนหน้าต้นเสา
การเชื่อมโยงกับซีรีส์ “Adolescence”
จากข้อมูลข้างต้น ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในซีรีส์ เช่น การที่เยาวชนอายุ 13 ปีถูกกล่าวหาว่าฆาตกรรม เป็นไปได้ในประเทศไทย แม้กรณีฆาตกรรมโดยเยาวชนอาจหายาก แต่มีรายงานกรณีรุนแรง เช่น การยิงในห้างหรือการทำร้ายร่างกายที่ร้ายแรง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าปัญหาความรุนแรงในเยาวชนมีอยู่จริง
ปัจจัยที่คล้ายกัน
ซีรีส์เน้นไปที่ปัจจัย เช่น สื่อสังคมออนไลน์ ความคาดหวังทางสังคม และผลกระทบต่อครอบครัว ซึ่งสอดคล้องกับบริบทไทยที่พบว่าสภาพแวดล้อมที่มีความรุนแรงและผลกระทบจากเพื่อนเป็นตัวทำนายสำคัญของพฤติกรรมรุนแรง

สรุป 8.9 /10
ซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การรับชมที่สุด หกใครชื่นชอบแนวสอบสวนเป็นทุนเดิมอยู่แล้วคุณจะชอบซีรีส์เรื่องนี้อย่างแน่นอน และคุณได้อะไรจากเรื่องนี้ ก็สามารุถแบ่งปันกันได้นะครับ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ผมตระหนักคิดเรื่องของความรุนแรงในเด็กและในรีวิวนี้ได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับความรุนแรงในไทยจากข้อมูลที่มี ความรุนแรงในเยาวชนเป็นปัญหาที่พบได้ทั้งในประเทศไทยและสหราชอาณาจักร ซีรีส์ “Adolescence” จึงอาจเป็นเครื่องมือในการสะท้อนและวิเคราะห์ปัญหานี้ในบริบทไทย โดยเน้นไปที่ผลกระทบต่อครอบครัวและสังคม ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการรณรงค์และป้องกันปัญหาความรุนแรงในเยาวชนต่อไป
