Critical Thinking คิดเชิงวิพากษ์: ทักษะที่สำคัญที่สุดในอนาคต

on

|

views

and

comments

การคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) | เป็นทักษะที่สำคัญอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน ซึ่งเป็นยุคที่ข้อมูลมีอยู่มากมายและเข้าถึงได้ง่ายผ่านช่องทางต่าง ๆ โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์ ทักษะนี้ช่วยให้เราสามารถประเมินข้อมูลได้อย่างมีเหตุผล ไม่ยอมรับสิ่งที่ปรากฏเพียงผิวเผิน แต่เลือกที่จะตั้งคำถาม ตรวจสอบข้อเท็จจริง และหาความเชื่อมโยงเพื่อนำไปสู่ข้อสรุปที่สมเหตุสมผล ในโลกที่เต็มไปด้วยข้อมูลทั้งจริงและเท็จ การคิดเชิงวิพากษ์เปรียบเสมือนเครื่องมือที่ช่วยให้เราไม่ตกเป็นเหยื่อของข่าวปลอมหรือข้อมูลที่มีอคติ และยังช่วยพัฒนาการตัดสินใจในชีวิตประจำวันให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การคิดเชิงวิพากษ์คืออะไร

การคิดเชิงวิพากษ์ คือกระบวนการคิดอย่างมีเหตุผลและเป็นระบบ เพื่อวิเคราะห์ ประเมิน และตัดสินใจเกี่ยวกับข้อมูลหรือสถานการณ์ต่าง ๆ โดยไม่เชื่อหรือยอมรับสิ่งที่ได้รับมาในทันที แต่จะพิจารณาด้วยการตั้งคำถามอย่างรอบคอบ ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข้อมูล และหาความหมายที่ลึกซึ้งกว่านั้น กล่าวง่าย ๆ คือ การคิดเชิงวิพากษ์คือการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ไม่ปล่อยให้อารมณ์หรือความเชื่อส่วนตัวมามีอิทธิพลเหนือเหตุผล

ลักษณะสำคัญของการคิดเชิงวิพากษ์ประกอบด้วย

  1. การวิเคราะห์: การแยกแยะส่วนประกอบของข้อมูล เช่น ข้อเท็จจริง ความคิดเห็น หรือสมมติฐาน
  2. การประเมิน: การพิจารณาความน่าเชื่อถือ ความสมบูรณ์ หรือความลำเอียงของข้อมูล
  3. การตั้งคำถาม: การถามคำถาม เช่น “ทำไม” “อะไร” หรือ “อย่างไร” เพื่อขุดลึกถึงรากฐานของข้อมูล
  4. การแก้ปัญหา: การใช้เหตุผลเพื่อหาทางออกหรือตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพ
  5. ความเปิดกว้าง: การยอมรับฟังมุมมองที่แตกต่างและพร้อมปรับเปลี่ยนความคิดเมื่อมีหลักฐานใหม่

ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญในตอนนี้

ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลไหลเวียนอย่างรวดเร็วและมีปริมาณมหาศาล การคิดเชิงวิพากษ์ กลายเป็นสิ่งจำเป็นในการช่วยให้เราคัดกรองข้อมูลที่น่าเชื่อถือออกจากข้อมูลที่ผิดพลาดหรือมีเจตนาแอบแฝง สื่อสังคมออนไลน์เป็นทั้งแหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์และช่องทางที่ทำให้ข่าวปลอมแพร่กระจายได้ง่าย หากปราศจากการคิดเชิงวิพากษ์ เราอาจตัดสินใจผิดพลาดในเรื่องสำคัญ เช่น การเลือกซื้อสินค้าที่โฆษณาเกินจริง การสนับสนุนนโยบายทางการเมืองโดยไม่ไตร่ตรอง หรือแม้แต่การดูแลสุขภาพตามคำแนะนำที่ไม่มีหลักฐานรองรับ ทักษะนี้จึงเป็นเกราะป้องกันและเครื่องมือที่ช่วยให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างชาญฉลาดในยุคข้อมูลข่าวสาร

แนวความคิดหลักของเรื่อง วิธีการมีความคิดเชิงวิพากษ์

ผมได้โพสต์ไปใน X ถึงหลักการของการคิดเชิงวิพากษ์ที่สามารถนำไปใช้ได้กับทุกเรื่องในแบบฉบับของผมที่เข้าใจง่าย โดยเฉพาะการรับข่าวสาร มีแนวทางสำคัญดังนี้

  1. รับสารแล้วให้คิดไว้ก่อนว่าไม่เชื่อ
    เมื่อได้รับข้อมูลใดๆ ควรวางท่าทีสงสัยไว้ก่อน ไม่ปักใจเชื่อทันที เพื่อป้องกันการถูกชักจูงโดยข้อมูลที่อาจไม่น่าเชื่อถือ
  2. หาว่า ใครพูด พูดที่ไหน พูดเมื่อไหร่ พูดอย่างไร ทำไมถึงพูด
    การตรวจสอบที่มาของข้อมูลเป็นขั้นตอนสำคัญ เช่น
    • ใครพูด? ผู้พูดมีความน่าเชื่อถือหรือมีวาระซ่อนเร้นหรือไม่?
    • พูดที่ไหน? มาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น สื่อวิชาการ หรือแค่โพสต์ทั่วไป?
    • พูดเมื่อไหร่? ข้อมูลนั้นทันสมัยหรือล้าสมัย?
    • พูดอย่างไร? มีหลักฐานประกอบหรือเป็นเพียงคำกล่าวอ้าง?
    • ทำไมถึงพูด? มีเจตนาเพื่อโฆษณา หรือหวังผลประโยชน์อื่นหรือไม่?
  3. แยกให้ออกว่าสิ่งที่รับมาเป็นข้อเท็จจริงหรือความคิดเห็น
    ข้อเท็จจริงคือสิ่งที่พิสูจน์ได้ เช่น “ฝนตกที่กรุงเทพฯ เมื่อวาน” ส่วนความคิดเห็นคือมุมมองส่วนตัว เช่น “กรุงเทพฯ อากาศแย่ที่สุด” การแยกแยะช่วยให้เข้าใจข้อมูลได้ชัดเจน
  4. ตัดสินใจว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ
    หลังจากวิเคราะห์และประเมินแล้ว ให้ตัดสินใจอย่างมีเหตุผลว่าข้อมูลนั้นน่าเชื่อถือหรือไม่ โดยอิงจากหลักฐานที่มี
  5. เปิดรับข้อมูลใหม่เสมอ
    การคิดเชิงวิพากษ์ต้องมีความยืดหยุ่น เปิดใจรับข้อมูลใหม่ที่อาจเข้ามาเติมเต็มหรือเปลี่ยนมุมมองเดิม
  6. ยอมรับว่าความเชื่อเราเปลี่ยนได้ ไม่ต้องหวงแหนความเชื่อตัวเอง
    หากมีหลักฐานใหม่ที่ชัดเจน ต้องกล้าปรับเปลี่ยนความคิด ไม่ยึดติดกับความเชื่อเดิมเพียงเพราะความเคยชิน
  7. เวลาได้ข้อมูลใหม่หรือเห็นคนมาแก้ข่าว อย่ารีบเชื่อทันที
    แม้จะมีคนมาแก้ไขข้อมูลเดิมหรือนำเสนอข้อมูลใหม่ อย่ารีบปักใจเชื่อ เพราะข้อมูลที่มาแก้ก็อาจผิดได้เช่นกัน ต้องตรวจสอบซ้ำ
  8. พอได้รับข้อมูลอีกรอบให้ตรวจสอบอีกว่าควรเชื่อหรือไม่
    ทุกครั้งที่มีข้อมูลใหม่เข้ามา ต้องวนกลับไปวิเคราะห์และประเมินซ้ำตามขั้นตอน เพื่อให้มั่นใจในข้อสรุป

วิธีการเหล่านี้สามารถฝึกฝนได้ด้วยการตั้งคำถามอย่างสม่ำเสมอ ตรวจสอบแหล่งข้อมูล และใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการวิเคราะห์ เป็นแนวทางที่ช่วยให้การคิดเชิงวิพากษ์กลายเป็นนิสัยในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ การคิดเชิงวิพากษ์ยังสามารถพัฒนาได้ด้วยวิธีอื่นๆ เช่น

การตั้งคำถามที่เหมาะสม

เช่น “หลักฐานอะไรสนับสนุนข้อความนี้?” หรือ “มีมุมมองอื่นที่เป็นไปได้หรือไม่?”

การประเมินความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูล

ตรวจสอบว่าแหล่งข้อมูลนั้นมีชื่อเสียง ความเชี่ยวชาญ หรือมีอคติหรือไม่

การใช้เหตุผลเชิงตรรกะ

วิเคราะห์ว่าข้อสรุปที่ได้มานั้นสมเหตุสมผลและปราศจากข้อผิดพลาดทางตรรกะหรือไม่

ตัวอย่างการปรับใช้ในชีวิตประจำวัน

สมมติว่าคุณเห็นโพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ที่ระบุว่า “วัคซีนตัวใหม่ป้องกันโรคได้ 100%” หากใช้หลักการคิดเชิงวิพากษ์ตามที่แนะนำ คุณจะดำเนินการได้ดังนี้

  1. ขั้นที่ 1: คิดไว้ก่อนว่าไม่เชื่อ
    คุณจะสงสัยทันทีว่า “จริงหรือ? การแพทย์ไม่มีอะไรแน่นอน 100%”
  2. ขั้นที่ 2: ตรวจสอบที่มา
    • ใครพูด? ผู้โพสต์เป็นนักวิจัยหรือแค่คนทั่วไป?
    • พูดที่ไหน? มาจากวารสารการแพทย์หรือแค่โพสต์ใน X?
    • พูดเมื่อไหร่? เป็นข้อมูลล่าสุดหรือเก่า?
    • พูดอย่างไร? มีการอ้างอิงงานวิจัยหรือไม่?
    • ทำไมถึงพูด? อาจเป็นการโฆษณาขายวัคซีน?
  3. ขั้นที่ 3: แยกข้อเท็จจริงและความคิดเห็น
    “มีการทดลองในห้องปฏิบัติการ” เป็นข้อเท็จจริงที่ตรวจสอบได้ แต่ “ป้องกันได้ 100%” อาจเป็นความคิดเห็นที่เกินจริง
  4. ขั้นที่ 4: ตัดสินใจ
    หากไม่มีหลักฐานชัดเจน คุณอาจสรุปว่าไม่น่าเชื่อถือ
  5. ขั้นที่ 5-6: เปิดรับข้อมูลใหม่และยอมเปลี่ยนความเชื่อ
    ต่อมามีข่าวจากองค์การอนามัยโลกบอกว่า “วัคซีนนี้ได้ผล 85% จากการทดลอง” คุณก็พร้อมปรับความคิดตามหลักฐานใหม่
  6. ขั้นที่ 7-8: ระวังข้อมูลที่มาแก้และตรวจสอบซ้ำ
    หากมีคนมาแก้ข่าวว่า “ไม่จริง ได้ผลแค่ 50%” คุณจะไม่รีบเชื่อทันที แต่กลับไปตรวจสอบแหล่งข้อมูลอีกครั้ง เช่น อ่านงานวิจัยหรือข่าวจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ

จากนั้น คุณอาจตั้งคำถามเพิ่มเติม เช่น “มีการทดลองทางคลินิกที่พิสูจน์ผลหรือไม่?” หรือ “มีข่าวจากแหล่งอื่นยืนยันหรือไม่?” หากพบว่าไม่มีหลักฐานสนับสนุนและแหล่งข้อมูลไม่น่าเชื่อถือ คุณก็จะสรุปได้ว่านี่อาจเป็นข่าวปลอมหรือข้อมูลที่เกินจริง

สรุป Critical Thinking

การคิดเชิงวิพากษ์เป็นทักษะที่ขาดไม่ได้ในยุคที่ข้อมูลท่วมท้นและเข้าถึงได้ง่าย ช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์และประเมินข้อมูลได้อย่างมีเหตุผล ไม่ตกเป็นเหยื่อของข่าวปลอมหรือข้อมูลที่มีอคติ หลักการสำคัญคือ การไม่เชื่อทันที การตรวจสอบที่มาของข้อมูล และการแยกแยะข้อเท็จจริงจากความคิดเห็น ซึ่งผมเชื่อว่าเป็นแนวทางที่ใช้งานได้จริงและเข้าใจง่าย เมื่อรวมกับการตั้งคำถามที่เหมาะสมและการใช้เหตุผลเชิงตรรกะ การคิดเชิงวิพากษ์จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้นในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการรับข่าวสาร การเลือกซื้อสินค้า หรือการตัดสินใจในเรื่องสำคัญ ด้วยการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เราจะกลายเป็นผู้บริโภคข้อมูลที่ชาญฉลาดและไม่ถูกหลอกได้ง่ายๆ

อ้างอิง

karnnikro
karnnikrohttps://www.karnnikro.com
MD of NIKRO GROUP CO.,LTD. และบรรณาธิการบริหาร BIGDREAMBLOG | License holder TEDxBangKhunThian | Entrepreneurship Degree & Law School | พัฒนาตนเองไปพร้อมกับดูภาพยนตร์
Share this
Tags

Must-read

วางแผนเที่ยวคริสต์มาส ...

วางแผนเที่ยวคริสต์มาส Wi...

The Woman In Cabin 10 รีว...

The Woman In Cabin 10 รี...
spot_img

Recent articles

More like this

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่