Snow White (2025): 5 เต็ม 10 รีวิวและวิเคราะห์

on

|

views

and

comments

snow white 2025 review analytic
5
หนังครอบครัว

Snow White (2025) เป็นการรื้อฟื้นนิทานคลาสสิกจากพี่น้องตระกูลกริมม์ในรูปแบบไลฟ์แอคชันของดิสนีย์ หลังจากที่ฉบับแอนิเมชันปี 1937 ได้กลายเป็นตำนานไปแล้ว การรีเมคครั้งนี้พยายามปรับโฉมสโนว์ไวท์ให้ทันสมัยด้วยการนำแสดงโดยเรเชล เซกเลอร์ (Rachel Zegler) ในบทสโนว์ไวท์ กัล กาโดท์ (Gal Gadot) เป็นราชินีผู้ชั่วร้าย และแอนดรูว์ เบิร์นแฮป (Andrew Burnap) รับบทโจนาธาน

ถึงแม้จะมีความทะเยอทะยานในการฉีกกรอบเดิม แต่ภาพยนตร์กลับไม่สามารถสร้างความประทับใจได้อย่างที่ควร ในบทวิเคราะห์ฉบับนี้ เราจะเจาะลึกว่าเหตุใด Snow White (2025) ถึงได้คะแนนจากเราเพียง 5 คะแนนจากเต็ม 10 โดยมองว่านักแสดงทุกคนไม่เหมาะสมและทำได้ไม่ดีนัก แต่ CGI กลับโดดเด่นราวกับหลุดมาจากหนังสือการ์ตูน พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่านี่ไม่ใช่หนังที่ออกแบบมาเพื่อคน Gen Y อย่างเรา แต่คาดหวังให้ Gen Alpha ขึ้นไป ซึ่งยังไม่มีภาพจำเก่าๆ เกี่ยวกับสโนว์ไวท์ เหมือนที่เคยทำกับ The Little Mermaid (2023) ชื่นชอบ

Snow White ที่อยากทันสมัยแต่ขาดพลัง

โครงเรื่องของ Snow White (2025) ยังคงยึดเค้าโครงดั้งเดิม สโนว์ไวท์ถูกตามล่าจากราชินีผู้ชั่วร้ายที่อิจฉาความงามของเธอ แต่มีการปรับให้เธอกลายเป็นผู้นำที่เข้มแข็ง โดยร่วมมือกับเจ็ดคนแคระและโจรหนุ่มชื่อโจนาธานเพื่อปลดปล่อยอาณาจักร การตัดเจ้าชายออกและแทนที่ด้วยโจนาธาน รวมถึงการอธิบายชื่อ “สโนว์ไวท์” ว่าเชื่อมโยงกับพายุหิมะในวันเกิด แทนที่จะเป็นสีผิว แสดงถึงความพยายามทำให้เรื่องราวทันสมัยและหลีกเลี่ยงประเด็นเชื้อชาติที่อ่อนไหว

แต่ความพยายามนี้กลับไม่ลงตัว เนื้อเรื่องขาดการพัฒนาที่ลึกซึ้งและสมเหตุสมผล การเปลี่ยนสโนว์ไวท์ให้เป็นผู้นำฟังดูดี แต่บทภาพยนตร์ไม่สามารถถ่ายทอดการเติบโตหรือพลังของเธอให้ผู้ชมรู้สึกได้ The Guardian วิจารณ์ว่าเป็น “ส่วนเสริมที่ดูเหมือนก้าวหน้าแต่กลับน่าเหนื่อยใจ” ขณะที่ Roger Ebert ชี้ว่าการเล่าเรื่องขาดจินตนาการและความน่าเชื่อถือ สำหรับเรา เนื้อเรื่องที่พยายามก้าวไปข้างหน้าแต่ขาดพลังนี้เป็นเหตุผลหนึ่งที่คะแนนหยุดอยู่ที่ 5 เพราะถึงแม้จะมีไอเดียที่น่าสนใจ แต่การนำเสนอกลับทำได้ไม่ถึง

ที่น่าสนใจคือ ภาพยนตร์เรื่องนี้ดูเหมือนไม่ได้คาดหวังให้คน Gen Y อย่างเราชอบ แต่ตั้งใจเจาะกลุ่ม Gen Alpha ขึ้นไปที่ยังไม่มีภาพจำเก่าๆ เกี่ยวกับสโนว์ไวท์ เหมือนที่ดิสนีย์เคยทำกับ The Little Mermaid (2023) ซึ่งผมเองก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นัก เพราะมันเหมือนเป็นการรีเซ็ตเรื่องราวเพื่อเด็กยุคใหม่มากกว่าการสานต่อความทรงจำของคนรุ่นก่อน แต่ผมเชื่อว่าเด็กๆ Gen Alpha ลงไปคงประทับใจกับภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่น้อย เพราะมันถูกออกแบบมาเพื่อพวกเขาโดยเฉพาะ

การแสดงที่ไม่ลงตัวและขาดเสน่ห์

จุดที่ทำให้ สโนว์ไวท์ ไม่สามารถเปล่งประกายได้คือการแสดงของนักแสดงทุกคน ซึ่งในมุมมองของเราไม่เหมาะสมและทำได้ไม่ดีเลย เรเชล เซกเลอร์ ในบทสโนว์ไวท์ แม้จะมีพลังงาน แต่ไม่สามารถถ่ายทอดความเป็นผู้นำหรือเสน่ห์ที่ตัวละครควรมีได้ เสียงร้องของเธออาจไพเราะ แต่การแสดงดูขาดมิติ แตกต่างจากที่ Variety ชื่นชมว่าเธอคือ “ซูเปอร์โนวาที่เปล่งประกาย” ซึ่งเรามองว่าเกินจริง ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบเธอ ผมประทับใจกับภาพยนตร์เรื่อง The Hunger Games | The Ballad of Songbirds & Snakes (2023) มาก แต่เรื่องนี้ไม่เหมาะจริง ๆ

กัล กาโดท์ ในบทราชินีผู้ชั่วร้ายก็ไม่ต่างกัน เธอไม่สามารถนำเสนอความน่ากลัวหรือความซับซ้อนได้ การแสดงของเธอดูจืดชืดและขาดพลัง Roger Ebert ระบุว่าเธอ “บางเบา” เกินไป ซึ่งเราคิดว่านี่คือความจริง แอนดรูว์ เบิร์นแฮป ในบทโจนาธานก็เช่นกัน เขาไม่สามารถสร้างความน่าสนใจหรือความผูกพันให้ตัวละครได้ ทำให้บทบาทของเขาดูไร้น้ำหนัก

นักแสดงทั้งหมดดูเหมือนถูกวางในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม และไม่สามารถดึงศักยภาพของตัวละครออกมาได้ การขาดเคมีระหว่างกันยิ่งทำให้ภาพยนตร์สูญเสียเสน่ห์ ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่เราคิดว่าคะแนน 5 คือจุดสมดุล เพราะการแสดงที่ไม่ดีนี้บดบังจุดเด่นอื่นๆ อย่างไรก็ตาม หากมองในมุมของ Gen Alpha ที่อาจไม่มีความคาดหวังจากนักแสดงหรือตัวละครดั้งเดิม การแสดงที่เรียบง่ายนี้อาจดูเพียงพอสำหรับเด็กๆ ที่แค่อยากเห็นตัวละครเคลื่อนไหวบนจอ

CGI ที่ดีราวหนังสือการ์ตูน ท่ามกลางงานสร้างที่สวยงาม

หากมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ Snow White (2025) ยังคงน่าดู ต้องยกให้งาน CGI ที่โดดเด่นราวกับหลุดมาจากหนังสือการ์ตูน โดยเฉพาะเจ็ดคนแคระที่ใช้เทคโนโลยีนี้แทนนักแสดงจริง CGI ในส่วนนี้มีชีวิตชีวา สีสันสดใส และมีสไตล์ที่ชวนให้นึกถึงภาพวาดในหนังสือเด็ก ซึ่งแตกต่างจากที่ Rotten Tomatoes วิจารณ์ว่าขาดความลึกซึ้ง ในมุมของเรา CGI เหล่านี้กลับเป็นจุดแข็งที่สร้างโลกแฟนตาซีให้มีเสน่ห์และน่าตื่นตา การเคลื่อนไหวและการออกแบบตัวละครดูเหมือนถูกดึงมาจากจินตนาการของเด็กๆ ซึ่งช่วยชดเชยความน่าเบื่อจากส่วนอื่นได้บ้าง และน่าจะเป็นสิ่งที่เด็ก Gen Alpha ชื่นชอบอย่างแน่นอน

งานสร้างโดยรวมก็ยังคงมาตรฐานดิสนีย์ ปราสาทของราชินีและป่าที่เต็มไปด้วยความลึกลับนั้นสวยงามตระการตา กระจกวิเศษที่พากย์เสียงโดยแพทริค เพจ (Patrick Page) ก็เพิ่มความน่าสนใจ Metacritic อาจให้คะแนนเฉลี่ย 50/100 แต่สำหรับเรา CGI ที่ดีราวหนังสือการ์ตูนและงานสร้างที่สวยงามคือเหตุผลหลักที่คะแนนถึง 5 เพราะมันคือส่วนที่ทำให้เรายังรู้สึกตื่นเต้นและเพลิดเพลิน โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างเด็กๆ ที่น่าจะหลงใหลในภาพเหล่านี้

เพลงที่จืดชืดและไม่ติดหู

ดนตรีควรเป็นหัวใจของภาพยนตร์ดิสนีย์ แต่ในสโนว์ไวท์(2025) กลับกลายเป็นจุดอ่อน เพลงใหม่จากเบ็นจ์ พาเซค (Benj Pasek) และจัสติน พอล (Justin Paul) อย่าง “Waiting on a Wish” และ “Princess Problems” ที่ปล่อยผ่าน SiriusXM ไม่สามารถสร้างความประทับใจได้ Variety ระบุว่าเพลงใหม่ขาดความโดดเด่น ซึ่งเราคิดว่านี่คือความจริง เพลงเหล่านี้ฟังดูธรรมดาและไม่ติดหู การนำเพลงคลาสสิกอย่าง “Whistle While You Work” และ “Hi-Ho” กลับมาใช้บางส่วนก็ไม่สามารถจุดประกายความรู้สึกเก่าๆ ได้ สำหรับ Gen Y อย่างเรา ดนตรีที่จืดชืดนี้เป็นจุดที่ทำให้รู้สึกขาดอารมณ์ร่วม แต่สำหรับ Gen Alpha ที่อาจไม่มีความผูกพันกับเพลงดั้งเดิม เพลงเหล่านี้อาจเพียงพอที่จะสร้างความสนุกในแบบของพวกเขา

การตอบรับและประเด็นถกเถียงที่ร้อนแรง

ก่อนเข้าฉาย Snow White (2025) เผชิญกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย การคัดเลือกเรเชล เซกเลอร์ ซึ่งมีเชื้อสายลาติน มาเล่นบทสโนว์ไวท์ กลายเป็นประเด็นเชื้อชาติ ขณะที่ทัศนคติทางการเมืองของเซกเลอร์ (สนับสนุนปาเลสไตน์) และกาโดท์ (สนับสนุนอิสราเอล) นำไปสู่การเรียกร้องบอยคอต The Guardian รายงานถึงความขัดแย้งนี้อย่างชัดเจน การตอบรับจากผู้ชมก็ไม่ดี คะแนน IMDb อยู่ที่ 2.2/10 ขณะที่ Rotten Tomatoes ให้คะแนนนักวิจารณ์ 43% และผู้ชม 74% ซึ่งอาจสะท้อนความเห็นที่แตกแยก

สำหรับ Gen Y อย่างเรา ประเด็นถกเถียงเหล่านี้ยิ่งทำให้รู้สึกห่างเหินจากภาพยนตร์ แต่สำหรับ Gen Alpha ที่อาจไม่สนใจดราม่าการเมืองหรือความคาดหวังจากฉบับดั้งเดิม ภาพยนตร์นี้น่าจะยังคงเป็นประสบการณ์ที่สนุกและน่าตื่นเต้น

ทำไมเราถึงให้ 5 คะแนน

หลังจากพิจารณาทุกด้าน เราตัดสินใจให้ Snow White (2025) คะแนน 5 จาก 10 เพราะมันมีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนที่ชัดเจน CGI ที่ดีราวหนังสือการ์ตูนและงานสร้างที่สวยงามคือสิ่งที่ทำให้เรายังรู้สึกตื่นเต้นและเพลิดเพลิน มันสร้างโลกแฟนตาซีที่ชวนฝันและน่าจะดึงดูดเด็ก Gen Alpha ได้ดี ความพยายามในการปรับเรื่องราวให้ทันสมัยก็ยังนับเป็นไอเดียที่น่าสนใจ แม้จะไม่สำเร็จสำหรับเรา

แต่การแสดงที่ไม่เหมาะสมและขาดเสน่ห์จากนักแสดงทุกคนเป็นจุดอ่อนใหญ่ เรเชล เซกเลอร์ กัล กาโดท์ และแอนดรูว์ เบิร์นแฮป ล้วนไม่สามารถถ่ายทอดตัวละครให้มีชีวิตได้ บทภาพยนตร์ที่ขาดพลังและเพลงที่จืดชืดยิ่งทำให้ภาพยนตร์สูญเสียเสน่ห์สำหรับ Gen Y อย่างเรา ซึ่งเติบโตมากับภาพจำของสโนว์ไวท์ฉบับดั้งเดิม เราไม่คิดว่านี่เป็นหนังที่ออกแบบมาเพื่อเรา

แต่เป็นการรีเซ็ตเพื่อ Gen Alpha ขึ้นไป เหมือนที่เคยทำกับ The Little Mermaid ซึ่งผมไม่ค่อยชอบนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเด็กๆ คงประทับใจกับภาพและสีสันของเรื่องนี้ไม่น้อย คะแนน 5 จึงสะท้อนถึงความรู้สึกที่ผสมปนเประหว่างความชื่นชมในงานภาพและความผิดหวังในส่วนอื่น

สโนว์ไวท์ ภาพสวยเพื่อเด็ก แต่ไม่ใช่สำหรับเรา

Snow White (2025) คือภาพยนตร์ที่พยายามนำนิทานคลาสสิกมาสู่ยุคใหม่ แต่ไม่สามารถเชื่อมโยงกับคน Gen Y อย่างเราได้ CGI ที่ดีราวหนังสือการ์ตูนและงานสร้างที่สวยงามคือจุดเด่นที่ทำให้มันน่ามอง และน่าจะเป็นที่ชื่นชอบของ Gen Alpha ที่ไม่มีภาพจำเก่าๆ

แต่การแสดงที่ไม่ลงตัว เนื้อเรื่องที่ขาดพลัง และดนตรีที่ไม่ติดหูทำให้มันกลายเป็นหนังที่เรารู้สึกเฉยๆ คะแนน 5 จาก 10 คือสิ่งที่เราเห็นว่าสมเหตุสมผลสำหรับความพยายามที่เหมาะกับเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ที่โตมากับสโนว์ไวท์ฉบับคลาสสิก

ผู้อ่านที่อยากรู้เพิ่มเติมสามารถติดตามได้ที่ Bigdreamblog หรือแหล่งข้อมูลอย่าง Rotten Tomatoes, Metacritic, และ IMDb เพื่อสำรวจมุมมองอื่นๆ ก่อนตัดสินใจชมด้วยตัวเอง

ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับภาพยนตร์ Snow White (2025)

เป็นภาพยนตร์แนวมิวสิคัลแฟนตาซีแบบไลฟ์แอคชัน ที่ผลิตโดย Walt Disney Pictures และ Marc Platt Productions กำกับโดยมาร์ค เว็บบ์ (Marc Webb) และเขียนบทโดยเอริน เครสซิดา วิลสัน (Erin Cressida Wilson) ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการรีเมคจากภาพยนตร์แอนิเมชันคลาสสิกของดิสนีย์ Snow White and the Seven Dwarfs (1937) ซึ่งดัดแปลงมาจากนิทานเรื่อง “สโนว์ไวท์” ของบราเธอร์ส กริมม์ที่ตีพิมพ์ในปี 1812 อีกทีหนึ่ง

เรื่องย่อ

ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวของสโนว์ไวท์ (รับบทโดยเรเชล เซกเลอร์ – Rachel Zegler) หญิงสาวผู้มีหัวใจบริสุทธิ์ที่ต้องหนีจากการตามล่าของราชินีผู้ชั่วร้าย (รับบทโดยกัล กาโดท์ – Gal Gadot) ผู้เป็นแม่เลี้ยงของเธอ หลังจากที่ราชินีครองบัลลังก์และกดขี่ประชาชนในอาณาจักร สโนว์ไวท์ได้ร่วมมือกับเจ็ดคนแคระและโจรหนุ่มชื่อโจนาธาน (รับบทโดยแอนดรูว์ เบิร์นแฮป – Andrew Burnap) เพื่อปลดปล่อยอาณาจักรของเธอจากการปกครองอันโหดร้าย เรื่องราวเริ่มต้นด้วยการกำเนิดของสโนว์ไวท์ในพายุหิมะ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อของเธอ ตามด้วยการสูญเสียพ่อแม่และการขึ้นครองอำนาจของราชินี

นักแสดงหลัก

  • เรเชล เซกเลอร์ (Rachel Zegler) รับบท สโนว์ไวท์
  • กัล กาโดท์ (Gal Gadot) รับบท ราชินีผู้ชั่วร้าย (The Evil Queen)
  • แอนดรูว์ เบิร์นแฮป (Andrew Burnap) รับบท โจนาธาน
  • แพทริค เพจ (Patrick Page) ให้เสียง กระจกวิเศษ (Magic Mirror)
  • เจ็ดคนแคระ (สร้างด้วย CGI) รวมถึงตัวละครอย่าง Bashful, Doc, Dopey, Grumpy, Happy, Sleepy และ Sneezy

ทีมงานเบื้องหลัง

  • ผู้กำกับ: มาร์ค เว็บบ์ (ผลงานเด่น: The Amazing Spider-Man, Gifted)
  • ผู้เขียนบท: เอริน เครสซิดา วิลสัน (ผลงานเด่น: The Girl on the Train)
  • ผู้อำนวยการสร้าง: มาร์ค แพลตต์ (Marc Platt) และจาเร็ด เลอบอฟฟ์ (Jared LeBoff)
  • ผู้ประพันธ์เพลง: เบ็นจ์ พาเซค (Benj Pasek) และจัสติน พอล (Justin Paul) คู่หูเจ้าของรางวัล EGOT ที่แต่งเพลงใหม่ให้ภาพยนตร์ เช่น “Waiting on a Wish” และ “Princess Problems” พร้อมนำเพลงเก่าอย่าง “Whistle While You Work” และ “Hi-Ho” กลับมาใช้บางส่วน
  • ถ่ายภาพ: แมนดี้ วอล์กเกอร์ (Mandy Walker)
  • ออกแบบงานสร้าง: เคฟ ควินน์ (Kave Quinn)

การผลิตและกำหนดฉาย

การพัฒนาภาพยนตร์เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2016 โดยดิสนีย์ยืนยันแผนการรีเมค Snow White and the Seven Dwarfs ในเดือนตุลาคมปีนั้น การถ่ายทำหลักเกิดขึ้นที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงกรกฎาคม 2022 และมีการถ่ายซ่อมเพิ่มเติมในเดือนมิถุนายน 2024 ภาพยนตร์มีกำหนดฉายรอบปฐมทัศน์ที่ Alcázar of Segovia ในเมืองเซโกเบีย ประเทศสเปน เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2025 และเข้าฉายในสหรัฐอเมริกาโดย Walt Disney Studios Motion Pictures เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2025 ส่วนในประเทศไทยฉายวันที่ 20 มีนาคม 2025 พร้อมระบบ IMAX และมีพากย์ไทยโดยโบว์ เมลดา (สโนว์ไวท์) และนัท มีเรีย (ราชินีผู้ชั่วร้าย)

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • ระยะเวลาฉาย: 109 นาที
  • งบประมาณ: คาดการณ์อยู่ที่ 240-270 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • เพลงประกอบ: อัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2025 โดยมีทั้งเพลงใหม่และเวอร์ชันเครื่องดนตรี รวมถึงเพลงเด่นอย่าง “Waiting on a Wish” ที่ปล่อยซิงเกิลเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2025
snow white 2025 review analytic
Snow White (2025): 5 เต็ม 10 รีวิวและวิเคราะห์
ดูกับครอบครัวได้
งานสร้างและ CGI ที่ยอดเยี่ยม เป็นส่วนที่โดดเด่นที่สุด ขณะที่ดนตรีอยู่ในระดับปานกลาง แต่การแสดงที่เฉย ๆ และเนื้อเรื่องที่ขาดพลัง คะแนนนี้จึงสะท้อนถึงภาพยนตร์ที่มีภาพสวยงามแต่ขาดความสมบูรณ์ในด้านอื่นสำหรับเรา
เนื้อเรื่อง (Storyline)
4
การแสดง (Acting)
3
งานสร้างและ CGI
8
ดนตรี (Music)
5
ความสนุก (Entertain)
5
ข้อชื่นชม
CGI ที่โดดเด่นราวหนังสือการ์ตูน
งานสร้างที่สวยงามตามมาตรฐานดิสนีย์
แนวคิดการปรับเรื่องราวให้ทันสมัย
ข้อสังเกต
การแสดงที่ไม่เหมาะสมและขาดเสน่ห์
เนื้อเรื่องขาดความลึกซึ้งและพลัง
ดนตรีที่จืดชืดและไม่ติดหู
5
หนังครอบครัว
karnnikro
karnnikrohttps://www.karnnikro.com
MD of NIKRO GROUP CO.,LTD. และบรรณาธิการบริหาร BIGDREAMBLOG | License holder TEDxBangKhunThian | Entrepreneurship Degree & Law School | อยากได้สิ่งที่ไม่เคยได้ต้องทำสิ่งที่ไม่เคยทำ | รักแมววว
Share this
Tags

Must-read

The Electric State รีวิว ...

The Electric State รีวิว...

Critical Thinking คิดเชิง...

การคิดเชิงวิพากษ์ (Criti...

Adolescent รีวิว Netflix:...

Adolescent รีวิว Netflix...
spot_img

Recent articles

More like this

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!

เนื้อเรื่อง (Storyline)
การแสดง (Acting)
งานสร้างและ CGI
ดนตรี (Music)
ความสนุก (Entertain)
Final Score
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่