“เรากำลังอยู่ในยุคที่ ทหารแทรกแทรงการเมืองจนเป็นรัฐบาล และรัฐบาลก็สั่งการตำรวจอีกที”
“ผมมีเพื่อนตำรวจหลายท่าน ถ้าเราไปทำสำรวจกันจริง ๆ เราจะพบว่าตำรวจมากกว่าครึ่งหนึ่งหรือโดยส่วนมาก มีหัวใจที่เป็นประชาธิปไตยมาก”
แต่เรากำลังอยู่ในบ้านเมืองที่มันประหลาด คือทหารทำตัวเป็นใหญ่ แทรกแทรงการเมือง จนเป็นรัฐบาลเสียเอง โดยมีกองทัพหนุนหลัง จึงทำให้มีอำนาจในการสั่งการ เวลามีม็อบ ชุมนุม ก็สั่งการตำรวจอีกทีหนึ่ง
หากตำรวจไม่ทำก็สั่งย้ายเขา ทำโทษเขาเพราะผิดวินัย คือมันบ้าไปกันหมด ทหารอยู่เบื้องหลังความขัดแย้งของประเทศมาตลอด แต่ทีนี้ไม่ได้ออกหน้าให้ตำรวจรับหน้าแทน
อย่างที่ตำรวจย้ำคือ “เราไม่ใช่คู่ขัดแย่ง เราเป็นตัวกลาง เราต้องทำตามหน้าที่”
หม่อมปลื้มยังบอกอีกว่า “ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับตำรวจ คือผู้ชุมนุมในตอนนี้ไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่าทหารลดบทบาททางการเมือง”
หากเราสังเกตตอนนี้ ทหารจะถูกโจมตีจากผู้ชุมนุมน้อยมาก คนที่เป็นเป้าตอนนี้ก็คือ ตำรวจและสถาบัน ซึ่งถ้าเราดูกันจริง ๆ แล้วคือ คนที่อยู่เบื้องหลังความขัดแย้งตอนนี้ อาจจะไม่ใช่ทั้ง 2 หน่วยงานก็ได้ อาจจะเป็นคนที่บอกรักสถาบันและเถิดทูน เป็นตัวการดึงสถาบันให้เข้ามายุ่งกับการเมืองแล้วตัวเองก็รับบทพระเอกมาทำลายความขัดแย้งในประเทศ อย่างที่ปรากฏใน 3 ชายแดนภาคใต้ ที่มีกระบวนการ Information Operating โดยการสร้าง Fake news ให้ดูมีความขัดแย้งรุนแรงตลอด โดยใช้งบประมาณส่วนกลางจากภาษีประชาชน