การศึกษา ในประเทศไทย ถูกขับเคลื่อนออกมาเป็นแบบอำนาจนิยม แทนที่ระบบการศึกษาไทยจะเป็นตัวชี้นำในสิ่งที่ถูกต้องกลับเป็นสิ่งที่หลอกลวงนักเรียน และอนาคตของประเทศเสียเอง เป็นข้อชวน ฉุกคิด จากทอล์กของ อาจารย์ ลลิตา หาญวงษ์ ในงานที่จัดโดย สส.เพียว ในกรรมาธิการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรม
ทำไมต้องเป็น ลลิตา หาญวงษ์ พูดเรื่องนี้

จากประสบการณ์การเผยแพร่เรื่องประวัติศาสตร์ผ่านการสอนมากกว่า 10 ปี ทำให้เห็นแง่มุมที่น่าสงสัย ผศ.ดร. ลลิตา ค้นพบว่าสิ่งใดคือสิ่งที่ฉุดศักยภาพของนกน้อยในประเทศไทยอยู่
สิ่งที่ควรจะเป็นแสงสว่างในประเทศไทย แท้จริงแล้วอาจจะเป็นมุมมืดที่ทำให้คนไม่พบแสงสว่าง! ก็คือ การศึกษาไทย
ในงาน “ฉุกคิด ชีวิตเปลี่ยน” พี่ตาลจะพาเราไปหาคำตอบของการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่ฉุดรั้งสังคมไทยให้ไม่ก้าวหน้า พร้อมบอกวิธีที่เราสามารถทำได้ เพื่อ “ปลดปล่อย” เหล่านกที่มีปีกไม่ให้อยู่ในกรงอีกต่อไป
การศึกษาไทย เหมือนขังเด็กที่เป็นนกที่มีปีก แต่ต้องอยู่ในกรง

ในบ้านเรามีการตีกรอบความคิดให้เด็กนักเรียน ไม่ให้เขามีอิสระทางความคิด โดยวลีเด็ดคือ “ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อน” จึงทำให้เสริมสร้างความเป็นคนที่กระหายอำนาจ ครูผู้สอนจะใช้อำนาจนี้กดขี่เด็ก ทั้ง ๆ ที่เด็กควรมีอิสระทางความคิด และเติบโตแบบที่เด็กคนนั้นเป็น ไม่ใช่แบบที่ถูกแม่พิมพ์ของชาติพิมพ์เด็กให้อออกมาเป็นแบบเดียว ๆ กัน
ชมทอล์กของ ผศ.ดร.ลลิตา | นกที่มีปีกแต่อยู่ในกรง | การศึกษา
สรุป
กล่าวโดยสรุป ทอล์กก็คือ การศึกษาไทย ควรปรับตัวสนับสนุนให้ผู้เรียนเติบโต เรียนรู้ และงดงามตามที่ควรจะเป็น และที่สำคัญตั้งคำถามกับสิ่งต่าง ๆ ได้ ไม่นำอำนาจความที่อายุเยอะกว่ามากดขี่ข่มเหงเด็ก