ความสัมพันธ์ มีประวัติศาสตร์ และกับดักของประวัติศาสตร์ มันทำความสัมพันธ์พังมาเยอะแล้ว ถ้าพูดถึงเรื่องของประวัติศาสตร์ เราคงนึกถึงเรื่องการสู้รบ คนนี้ไปรบกับคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านบางระจัน หรือ สปาต้ากับเปอร์เซีย การแบ่งแยกดินแดนหรือการล่าอาณานิคม อันนี้เป็นประวัติศาสตร์ที่ถูกบันทึกและเขียนไว้
ความสัมพันธ์ มีประวัติศาสตร์
แต่ในเรื่องของเราเอง ชีวิตของเราหรือผู้คนก็มีประวัติศาสตร์เช่นเดียวกัน เรื่องนี้ผมได้ฟังมาจากคุณ บรรยง พงษ์พานิช
“มีเด็กคนหนึ่ง อายุ 12 อ่านหนังสือผมตั้งแต่นั้น” คุณบรรยงเล่า
หนังสือคุณบรรยงนั้นไม่ใช่หนังสือการ์ตูน หรือหนังสือที่เด็กแล้วอ่านได้เข้าใจง่าย ๆ แต่เป็นหนังสือ ที่ต้องใช้ความรู้และความคิดพอสมควร
“ครูที่โรงเรียนโทรมาขอให้ผมไปพบน้องคนนั้น ตอนแรกผมก็สงสัยว่าทำไม มารู้ภายหลังว่า น้องคนนั้นไม่คุยกับใครเลยไม่มีเพื่อนเลย ครูเห็นน้องเขาอ่านหนังสือคุณบรรยงจึงอยากขอความช่วยเหลือ”
หลังจากนั้นคุณบรรยงก็ไปพบเด็กคนนั้นแล้วพูดคุย หลังจากการพูดคุย คุณบรรยงได้ขอให้พ่อและแม่ของน้องคนนั้นย้ายโรงเรียน
“สัญญากับลุงนะ ว่าไปโรงเรียนใหม่แล้วจะมีเพื่อนแล้วมาเล่าให้ลุงฟังเดือนละ 1 คน” คุณบรรยงเล่าว่าคุยกับน้องคนนั้นดังนี้
จนตอนนี้น้องคนนั้นก็ได้ดิบได้ดีเรียนต่ออยู่ที่อังกฤษ ทำไมคุณบรรยงถึงแนะนำเช่นนั้น ?
คุณบรรยงเล่าว่า มันมีสิ่งที่เรียกว่า “ประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์” ถ้าใครเคยเป็นอย่างไรมาแล้วในสังคมนั้น ๆ เช่น เคยวางตัว (คุณบรรยงใช้คำว่า Positioning ตัวเอง) เป็นคนยังไงแบบไปสุดทางแล้วจะให้แก้มันก็ยาก สู้เปลี่ยนสังคมและวางตัวใหม่คงง่ายกว่า จริง ๆ ปัญหามันมีหลายปัจจัย สภาพแวดล้อมและตัวตนของเราด้วยนั่นเอง
หลังฟังจบผมคิดว่า “เออจริงนะ” การที่ถูกคนในสังคมสภาพแวดล้อม ตราหน้าว่าเราเป็นคนยังไงแล้วบางทีมันยิ่งส่งผลให้เราเป็นคนอย่างนั้นไปด้วยทั้ง ๆ ที่เราก็ไม่ชอบที่จะเป็นคนแบบนั้นด้วยเหมือนกัน
ในคู่รักก็มีประวัติศาสตร์เหมือนกัน
ความสัมพันธ์แบบคู่รักก็เหมือนกัน เมื่ออยู่กันยาว ๆ แล้วก็สามารถเห็นอะไรขัดหูขัดตาไปหมด หรือตีความไปแล้วว่าคนที่เราอยู่ด้วยเป็นคนไม่ดี มีข้อเสียเต็มไปหมด หากเราไม่ได้รักกันมากพอที่จะเปิดใจ พร้อมคุยหรือพยายามปรับกันแล้วก็ยากที่จะไปต่อ
เพราะติดอยู่ในกับดักของประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ที่เคยมีนั่นเอง การจบความสัมพันธ์ไปย่อมเป็นเรื่องง่ายกว่าหากอยู่แล้วก็ตัดสินกันว่าเป็นคนอย่างไร เพราะความสัมพันธ์เป็นเรื่องที่ต้องพยายามกันทั้งคู่ หากมีฝ่ายหนึ่งผิด อีกฝ่ายต้องผิดด้วยเสมอ เพราะ วันที่เราทะเลาะกันไม่ว่าเราจะเป็นฝ่ายแพ้ เธอเป็นฝ่ายชนะ แต่โดยภาพรวมก็คือ
“พวกเราแพ้” กันทั้งคู่
กับดักของประวัติศาสตร์ ความสัมพันธ์
ผมคิดว่าทำคนหลาย ๆ คนเลิกคุยกันมาเยอะแล้วไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน เพราะเราติดกับความคิดตัวเองว่า คนคนนี้เคยเป็นอย่างไรมา แปลว่าคนคนนี้ต้องเป็นอย่างนี้แน่ ๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่เราจะติดกับในด้านแย่ ๆ เสียมากกว่า
สิ่งที่เป็นธรรมดาของมนุษย์
แต่มนุษย์ย่อมมีข้อเสียเป็นธรรมดา ทุกคนล้วนมีข้อเสีย อยู่ที่ความสัมพันธ์ระหว่างกันจะรับข้อเสียกันได้หรือไม่ แต่สิ่งที่เขาเคยเป็นคนอย่างไรมาก็ไม่ได้บ่งบอกได้ 100% ว่าปัจจุบันเขาเป็นแบบนั้นหรือเปล่า ในทางที่ดีเลือกมองข้อดีของความสัมพันธ์นั้นดีกว่า ส่วนข้อเสียก็ไม่จำเป็นต้องชอบ แต่แค่รับรู้ไว้ว่าใครมีข้อเสียอย่างไรเท่านั้นก็น่าจะพอ
จากหนังสือ อย่ามองกลับไปนั่นไม่ใช่ทางที่คุณจะเดิน
[…] กลัวที่จะต้องเริ่มความสัมพันธ์กับใคร ไม่กล้ารักใคร […]
0
[…] แต่ดันมีคำถามอยู่ว่าเราจะเริ่มสร้างความสัมพันธ์กับเป้าหมายของเราได้อย่างไร? แน่นอนว่าเราไม่อาจนำกุญแจดอกเดียวไขกับทุกแม่กุญแจได้ การสื่อสารก็เช่นกัน ผู้คนมีมากมายหลากหลายประเภท เราจึงต้องใช้วิธีการสื่อสารที่ต่างกันไป เพื่อให้ผลลัพธ์และความสัมพันธ์ออกมาดีที่สุด […]
0